news

ทำดีกลับต้องมานั่งคอยผวาภัยรอบตัวที่จ้องจะเข้ามาทำอันตรายกับครอบครัว สำหรับนักแสดงสาว “บุ๋ม ปนัดดา” ที่ยอมสละตัวเป็นอาสาคอยช่วยเหลือสังคม ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวผู้หญิงที่ไม่เต็มใจค้าประเวณี หรือคดีฆ่าข่มขืน ยิ่งทำให้สาวบุ๋มเต็มใจและเต็มที่ที่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือแบบสุดๆ แต่ล่าสุดสาวบุ๋มก็โดนบุคคลปริศนาโทรมาขู่ให้หยุดข้องเกี่ยวกับเรื่องราวทั้ง ไม่อย่างนั้นจะเกิดการลักพาตัวลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน “น้องอันดา” ขึ้น งานนี้พอมีโอกาสได้เจอสาวบุ๋มเลยได้สอบถามถึงข้อเท็จจริง ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่ามีคนโทรมาขู่จริง แต่ตอนนี้ได้ให้ว่าที่สามีหนุ่ม “เอก เอกริน” คอยปกป้องดูแลน้องแล้วหายห่วงได้ บุ๋มยังทิ้งท้ายไว้อีกว่า ต่อให้เป็นอย่างไร ก็จะขอทำความดีแบบนี้ต่อไป

ล่าสุดมีข่าวว่าเราโดนขู่ลักพาตัวน้องอันดา ?
“ค่ะ ขู่ลักพาตัวน้องอันดามันเพราะเราอาจจะไปยุ่งกับธุรกิจลับของคนบางคน อย่างเคสต่างประเทศตอนนี้ก็กลับเมืองไทย 3 คนแล้วค่ะ แต่หลังๆ พี่ไม่ค่อยจะออกข่าวเพราะถ้าช่วยก็คือช่วย เขาโทรมาบอกว่าอย่ายุ่งมากนัก อยู่นิ่งๆ แต่พี่ก็เอาเบอร์เขาให้ทางตำรวจแล้วค่ะ แล้วก็มีคนแปลกหน้ามาเดินดูบ้านเราทั้งๆ ที่เป็นหมู่บ้านปิดนะ เขาแต่งตัวเป็นพระแต่พระมีคิ้ว”

เห็นว่าเราจ้างบอดี้การ์ดมาดูแล ?
“คุณเอกนี่แหละค่ะ ไม่ต้องเสียตังค์จ้างใคร แต่ช่วงหลังๆ นี้ก็จะให้คุณเอกประกบตัวติดกันพอสมควรเพราะเราทำเคสค่อนข้างหนักขึ้นเรื่อยๆ อย่างล่าสุดก็ลามไปมาเลเซียแล้วค่ะ”

มีปรึกษาตำรวจไหม ?
“เรื่อยๆ เลยค่ะ ตลอดเวลา เพราะอย่างที่รู้กันอยู่ว่าตัวบุ๋มก็ไม่ใช่นักการเมือง บุ๋มไม่ใช่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ที่มียศอะไร เราก็แค่ดาราคนหนึ่งที่อยากจะทำงานเพื่อสังคม แถมยังไม่มีมูลนิธิที่จริงจังขนาดนั้น แต่ทุกวันนี้ที่ช่วยได้เพราะความตั้งใจของเราและในอดีตที่เราเคยช่วยงานในองค์กรต่างๆ จนเขาให้ความร่วมมือ”

สาเหตุส่วนใหญ่อาจจะเป็นเพราะเรามีส่วนรวมในการสืบคดี ?
“ใช่ค่ะ ข้อมูลอยู่ในมือเราเยอะ แล้วบังเอิญว่าเรามีคนร่วมมือค่อนข้างใหญ่ที่จะถล่มก็สามารถถล่มได้ทันที”

เราได้สืบว่าเบอร์ที่โทรมาจากไหนไหม ?
“สืบค่ะ แต่เหมือนเขาซื้อซิมมาใช้แล้วทิ้ง คือตอนนี้มันน่ากลัวตรงที่ซิมมันซื้อหาง่าย”

มีเหตุการณ์อะไรรุนแรงบ้างหรือยัง ?
“แบบประชิดตัวยังค่ะ เขาคงไม่กล้ามั้งคะ เพียงแต่มีแนวโทรมาหาบ้างแล้วก็ส่งจดหมายบ้าง”

เราจะบอกน้องให้ระวังตัวมากขึ้นไหม ?
“ไม่บอกค่ะ เราจะไม่บอกน้องอันดาแต่เราจะเตือนเขาว่าเวลาไปไหนห้ามเดินออกนอกบริเวณ เขาก็ไม่ถามเรานะ เขารู้ว่าเราห่วงเขาอยู่แล้ว”

คิดว่าคนที่โทรมาขู่เราจะมีเป็นแก๊งหรือเปล่า ?
“ที่โน้นเขาเป็นขบวนการใหญ่ค่ะ ซึ่งมันทำกันมานานมาก มันเป็นทั้งตึกไม่ใช่แค่คน 2-3 คน”

เกิดเรื่องมานานหรือยัง ?
“ประมาณ 2 เดือนค่ะ”

โดนขนาดนี้เราอยากจะหยุดบ้างไหม ?
“หยุดไม่ได้แล้วค่ะ เพราะ ณ ตอนนี้คุณต้องเข้ามาดูว่าแต่ละเคสเป็นยังไง มันไม่ใช่แค่เด็กและสตรีแล้วค่ะ มีทั้งผู้ป่วย มีทั้งคนชรา คนพิการ แม้แต่หมาแมวก็มากันหมด เพราะฉะนั้นถ้าเราช่วยได้เราก็อยากจะช่วย (ตอนนี้เคสอะไรเยอะสุด) เยอะทุกเคสเลยค่ะ เคสหนักที่สุดก็จะเป็นเคสคนพิการที่เมื่อวานเพิ่งให้เขาไปซื้อเซ็ทลอตเตอรี่มาขายต่อเพราะเขาเป็นอดีตดารา เขาก็ต้องเลี้ยงหลานด้วยเพราะลูกสาวทิ้งหลานไว้ให้เลี้ยง แล้วเขาก็พิการท่อนล่างนะ คือชีวิตเขาดูลำบากมาก อีกเคสหนึ่งคือน้องที่โดนน้ำมันร้อนลวกก็กำลังไปรับตัวอยู่ ตอนนี้เขาก็ไม่มีเปลือกตา บุ๋มก็หารพ.ผ่าตัดให้เขาได้แล้วโดยไม่ต้องรอถึง 5 เดือน”

เห็นว่าจะเปิดมูลนิธิช่วยเหลือ ?
“กำลังจะเปิดค่ะ ตอนนี้กำลังดำเนินเรื่องอยู่เพราะเวลาประสานงานกับเจ้าหน้าที่จะได้ดูถูกต้อง เพราะถ้าหากเป็นปนัดดามันก็จะเหมือนใช้เส้นตลอดเวลา”

คดีของน้องแก้มเห็นคืบหน้าแล้ว ?
“ใช่ค่ะ ศาลชั้นต้นตัดสินให้ประหารชีวิต แต่ทีนี้ตามกฏหมายต่อให้นักโทษไม่ยื่นอุทธรณ์ยังไงศาลก็ต้องให้ยื่นอยู่ดีเพื่อพิจารณาว่าศาลชั้นต้นมีความยุติธรรมมากน้อยแค่ไหน ถ้าหากศาลอุทธรณ์ยังยืนตามศาลชั้นต้นว่าโทษประหารก็ยังต้องมีขึ้นฎีกาอีก ถ้ายื่นฎีกาแล้วยังยึดตามศาลชั้นต้นก็ยังยื่นฎีกาได้อีก บุ๋มก็อยากจะถามว่าทำไมคนทำผิดถึงได้โอกาสกับชีวิตเยอะขนาดนี้ทั้งๆ ที่ตอนสอบปากคำบุ๋มอยากให้ทุกคนได้เห็นสีหน้าเขาว่าเป็นยังไง มีหัวเราะออกมาด้วย ศาลยังถามเลยว่าไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ วันที่ไปเจอหน้าเขานั่นคือสีหน้าจริงๆ ที่ทางเนชั่นถ่ายได้ คือมีคนไปบอกเขาว่าเดี๋ยวก็เหลือจำคุกตลอดชีวิต ถ้าจำคุกตลอดชีวิตเดี๋ยวก็มีอภัยโทษ คือยังไงไม่เกิน 15 ปีก็ได้ออก ทำไมคุณไปบอกเขาอย่างนั้นหละ นี่คือสิ่งที่บุ๋มอยากจะถามว่าความยุติธรรมมันอยู่ที่ไหน แล้วตอนที่ศาลกำลังจะบอกคำตัดสินศาลต้องพูดย้ำถึงเหตุการณื 4-5 รอบ แต่ละรอบแม่น้องแก้มนั่งร้องไห้ เขาบอกแม้กระทั้งน้องช้ำตรงไหน มีแผลตรงไหน สภาพเป็นยังไง เขาพูดขนาดนั้น 4-5 รอบกว่าจะได้โทษประหารชีวิต”

เรายืนยันว่าถ้าหลักฐานชัดเจนยังไงก็โดนใช่ไหม ?
“คือหลักฐานของเกมส์ที่เขาให้ประหารชีวิต เป็นเพราะต่อให้สารภาพก็สารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน ไม่ใช่การสารภาพด้วยตัวเขาเอง ไม่ใช่เป็นการสำนึกผิดจึงสารภาพ แถมเขายังโกหกเรื่องคอมพิวเตอร์ด้วยซึ่งดูเหมือนเขาจะตั้งใจ ถ้าถามบุ๋มนะว่าเขาโรคจิตไหมบุ๋มว่าเขาไม่ได้โรคจิตหรอกเพราะวางแผนขนาดนั้น เขารู้ว่าจะต้องทำยังไง ซึ่งตอนนี้ก็อยากจะวิงวอนแหละค่ะ ต่อให้บุ๋มเล่นละครเซ็กซี่หรือทำอะไรก็ตามถ้าคุณมีอารมณ์คุณก็ช่วยตัวเองกับรูปบุ๋มก็ได้ แต่ไม่ใช่มีอารมณ์แล้วไปข่มขืนเด็ก นี่คือสิ่งที่บุ๋มอยากจะบอก แล้วทุกวันนี้มันเยอะขึ้นเรื่อยๆ นี่คือสิ่งที่อยากจะถามกลับไปว่ากฏหมายช่วยคุ้มครองพวกเราก็จริงแต่กระบวนการเป็นอย่างไร การะบวนการเป็นสิ่งที่สำคัญว่าคุณใช้กระบวนการคุ้มครองเด็กและสตรียังไง แล้วเดี๋ยวนี้ไม่ใช่แค่เด็กผู้หญิงนะคะ เด็กผู้ชายก็โดน”

หลังจากนี้เราจะมีส่วนช่วยอะไรกับคดีนี้อีกบ้าง ?
“ตอนนี้บุ่มช่วยอะไรไม่ได้แล้วค่ะ เพียงแต่จะเป็นเคสอื่นๆ ที่เข้ามา ณ ตอนนี้มากกว่า แล้วก็ให้ความรู้กับประชาชนทั่วไปด้วยว่าไม่ต้องรอ 24 ชม.แล้วนะสำหรับคนหาย ตอนนี้เป็นระเบียบของตำรวจแล้วที่แจ้งว่าสามารถช่วยเหลือได้ทันที ดังนั้นถ้าสถานีไหนยังจำอันเก่าอยู่ ยังเข้าใจผิด ก็แจ้งให้ด้วยค่ะ”

เรายังเดินหน้าเรื่องข่มขืนแล้วประหารเหมือนเดิม ?
“ถ้าข่มขืนแล้วฆ่าก็ต้องประหารค่ะ เพราะคุณไม่ได้มีจิตสำนึกเลย ตอนที่น้องแก้มโดนบีบคอครั้งแรกเขาฟื้นแล้วนะคะ แต่คุณก็ตั้งใจอุดปากและจมูกเขาต่อ แล้วอย่างน้องเนฟเขา 4 ขวบเองนะแล้วโยนลงท่อทั้งๆ ที่น้องก็ยังมีลมหายใจอยู่ เด็กไม่เคยมีโอกาสร้องขอชีวิตเหมือนพวกคุณ 4-5 ครั้งแบบนี้ ดังนั้นก็อยากให้พิจารณาเก็บ 1 คนไว้เพื่ออะไร อย่าหาว่าบุ๋มโหดเลยแต่บุ๋มไม่อยากให้เขามาเจอลูกบุ๋มแค่นั้นเอง”

ไม่ว่าจะถูกกดดันยังไงเราก็ยังทำหน้าที่นี่ต้อใช่ไหม ?
“หลังจากที่บุ๋มออกมาทำเรื่องนี้บุ๋มว่าบุ๋มได้แฟนคลับเพิ่มนะ ผู้หญิงส่วนใหญ่พ่อแม่ส่วนใหญ่ที่มีลูกหลานเขาเดินมาจับมือบุ๋มแล้วขอบคุณ ซึ่งบุ๋มก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดต่อไป ให้ผู้ใหญ่ได้เห็นว่าบุ๋มทำทุกอย่างด้วยเหตุผลไม่ใช่อารมณืแค่ลูกผู้หญิง ก็อย่างเรื่องการร่างกฏหมายก็จะดึงนักวิชาการ อัยการ ทนายความ และส่วนราชทัณฑ์ คือนำส่วนที่เขาทำงานตรงนี้มา 20-30 ปีมาเป็นคนช่วยร่างกฏหมายไม่ใช่บุ๋ม”

เราล้ำเส้นมากอย่างนี้ไม่กลัวบ้างเหรอ ?
“พูดเลยว่าถ้ากลัวคงไม่ทำและคงไม่ได้เป็นองค์กรทำดีที่ชัดเจนขนาดนี้ เพราะทุกคนจะได้เห็นการทำงานทั้งหมดเคลียร์ชัดทั้งบัญชีเอาแบบที่ใครก็ว่าพี่ไม่ได้ อาจจะเป็นเพราะเราทำงานการกุศลมานานแล้วด้วยแหละ พูดเลยว่าเราจะไม่แตะเงิน จริงอยู่ที่เรามีบุญชีหนึ่งที่เป็นบัญชีฉุกเฉินแต่พี่จะถ่ายรุปอัพเดทบุ๊คแบงค์ให้ดูตลอดทุกวันว่าเงินมาเท่าไร ออกเท่าไร ใช้ไปเท่าไร แล้วแต่ละเคสเป็นยังไง พี่จะเล่าความจริงทั้งหมดเพราะพี่ไม่อยากให้เสียชื่อเสียงพี่เหมือนกัน พี่อยู่ตรงนี้มานานแล้วพี่ไม่อยากจะเสียด้วยเรื่องแค่นี้ค่ะ ตอนนี้เวลาไปไหนก็เอาคุณเอกประกบตัวไว้แค่นั้นเองค่ะ”

งานแต่งเตรียมถึงไหนแล้ว ?
“ยังไม่ได้เตรียมเลยแต่หลังจากเสร็จงานนี้ก็จะไปวัดตัวแล้วค่ะ (คิดว่าใช้กี่ชุด) อันนี้แล้วแต่พี่ปลาเลยค่ะ เพราะบุ๋มไม่รู้ความติสท์ของเขา(หัวเราะ) คือเราให้พี่ปลาช่วยออกแบบให้ทุกอย่างค่ะ แต่พี่ปลาบอกไว้ว่า “ไม่ธรรมดา” พอเราได้ยินก็สะอึกนิดหนึ่ง จะเดินไหวไหม กลัวแค่นี้แหละค่ะ”

จะมีชุดส่วนงานปาร์ตี้ไหม?
“ไม่ค่ะ เป็นงานวันแต่งเลยค่ะ พี่ปลาเป็นคนตัดและดูแลให้ทุกอย่างรวมถึงชุดพรีเวดดิ้งด้วยซึ่งส่วนนี้ก็ยังตกลงกันอยู่เลยค่ะ ยังตีกันอยู่ว่าจะเอายังไง แต่ส่วนตัวเราก็แต่อยากถ่ายในสตูดิโอเก็บเอาไว้ดูสวยๆ แค่นั้นเอง”

ถ้าชุดเซ็กซี่เกินไปเราห่วงว่าคนจะวิจารณ์หรือเปล่า ?
“ไม่เซ็กซี่แน่นอนค่ะ เป็นชุดไทยคอปิดด้วยซ้ำ กลัวว่าจะร้อนเลยบอกเขาว่าจัดแค่ชม.เดียวจบได้ไหม(ยิ้ม)”

ใกล้จะได้สวมชุดเจ้าสาวของตัวเองอีกครั้งแบบนี้เราตื่นเต้นไหม ?
“ตอนนี้เครียดกับการเอาญาติของตัวเองบินมากกว่าค่ะ ยิ่งญาติใกล้ชิดยิ่งเครียดเพราะดูแลยากค่ะ ตอนนี้ก็ให้เลขาช่วยดูอยู่ว่าจะยังไงก็อาจจะใช้วิธีเหมาลำค่ะ”

จัดที่ไหน ?
“เชียงรายค่ะ”

แขกในงานจะมีแค่ญาติเหรอ ?
“ญาติกับผู้ใหญ่ค่ะ ตอนนี้ผู้ใหญ่เริ่มเยอะแล้วค่ะ เพราะว่าเรารู้จักและทำงานหลายวงการค่ะ”

คิดจะกลับมาฉลองที่กรุงเทพฯไหม ?
“คุยกันไว้คร่าวๆ ว่าจะทานข้าวกันเฉยๆ แต่ก็ไม่ได้อะไรมาก เดี๋ยวยังไงจะไปตามสื่อต่างๆ เพื่อขอคำอวยพรค่ะ”

แล้วเพื่อนในวงการไม่มีร่วมงานบ้างเหรอ ?
“มีแต่ก๊วนมอเตอร์ไซค์ค่ะ เขาบอกจะขี่มอเตอร์ไซค์ไปกันเกือบๆ 40 คัน วัดจะแตกก็ตอนมอเตอร์ไซค์นี่แหละดิฉันว่า(ยิ้ม)”