“โป๊ป ธนวรรธน์” ตอบแมนๆ รู้จักจริง “หมวยลี่” สถานะชัดเจน ไม่ต้องเสียเวลาสืบ
เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่หลายๆ คนให้ความสนใจ เมื่อมีเพจดังออกมาโพสต์ข้อความในทำนองว่า มีพระเอกดังแอบสานสัมพันธ์กับนักร้องเสียงดี ซึ่งหวยก็ไปตกอยู่ที่พระเอก โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ และสาวสวยเซ็กซี่ผู้เข้าประกวดรายการเรียลลิตี้ชื่อดัง อย่างสาว หมวยลี่ AF หลังจากข่าวดังกล่าวเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง ก็ได้มีอีกหนึ่งเรื่องราวแทรกเข้ามา เมื่อมีสาวนิรนามเข้ามาแฉพระเอกคนดังว่าเป็นพวกชอบฟันแล้วทิ้ง เรียกว่าเกิดดราม่ารัวๆ เลยก็ว่าได้
ล่าสุดนี้หนุ่ม โป๊ป ได้ออกมาชี้แจงทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น และที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในตอนนี้ พร้อมบอกสถานะความสัมพันธ์กับ หมวยลี่ สาวที่กำลังเป็นข่าวด้วย และยังพูดถึงสาวนิรนาม ที่เข้ามาแฉตัวเองอย่างเสียหายว่า
“เห็นข่าวแล้วครับ ซึ่งตอนที่อ่านข่าวผมก็ไม่ได้คิดอะไรนะ ก็แล้วแต่คนจะมอง เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันก็มีเหตุผล แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ร้ายแรง ก็ดูเป็นเรื่องปกติ”
“สำหรับผมกับหมวยจริงๆ เราก็รู้จักกันนะครับ เคยรู้จักกันในฐานะพี่น้อง ส่วนอีกคนหนึ่งเขาเป็นใครก็ไม่รู้ เราก็อย่าไปสนใจคนที่เขาไม่มีตัวตน เขาเป็นใครเราก็ตอบไม่ได้ และเรื่องจริงหรือไม่จริงเราก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน ดังนั้นก็ปล่อยเขาไป ผมไม่ได้ใส่ใจ เขาอยากจะทำอะไรก็ทำ ก็ให้อภัยเขาไป เพราะผมก็เป็นของผมแบบนี้ ผมก็อยู่เฉยๆ ของผม ผมยังไม่มีแฟน และถ้าได้เจอใครหากใช่ก็คือใช่ ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ครับ”
เป็นไปได้ไหมว่าอีกคนจะเป็นคนที่มโนขึ้นมา ?
“ก็เขาไม่มีตัวตนไงครับ คือคนคนนี้ผมคิดว่าเขาน่าจะเป็นกรณีเดียวหรือกลุ่มเดียวกันกับคนที่เคยทำเมื่อช่วงต้นปี ซึ่งจริงๆ มีคนทำแบบนี้กับผมมานานแล้ว แต่บังเอิญว่าพอมันมีช่วงที่กระแสละครดัง เรื่องนี้มันก็เลยบูมขึ้นตามไปด้วย”
เราเคยสงสัยไหมว่าทำไมต้องเป็นเราที่โดนข่าวแบบนี้ตลอดเวลา ?
“คงเป็นกรรมมั้ง อันนี้ผมก็ไม่รู้เพราะว่ามันตอบไม่ได้ เพราะผมเองก็อาจจะเคยมีคนที่คุยและเลิกกันไป ช่วงชีวิตที่ผ่านมาก็เจอคนหลายๆ คน ซึ่งมันก็อาจจะเป็นสิ่งที่ผมเคยทำ ดังนั้นเราก็เลยต้องรับมัน ซึ่งพอเรื่องมันเกิดขึ้นแบบนี้ ผมก็ต้องตอบไปตามความจริงที่ผมเคยผ่านมา ก็ประมาณนี้ครับ”
“ซึ่งในอนาคตจะมีข่าวแบบนี้อีกหรือเปล่า อันนี้ผมก็ไม่รู้ แต่สำหรับผมใครจะพูดอะไรมันก็คือเรื่องของเขา ส่วนเราทำอะไรเราก็รู้อยู่แก่ใจ กรรมมันไม่ได้อยู่ที่เราแต่อยู่ที่คนทำ ดังนั้นผมจึงไม่ได้สนใจว่าเขาจะทำอีกหรือไม่ยังไง เพราะสุดท้ายแล้วมันก็คือเรื่องเดิมๆ คนเดิมๆ ที่ต้องการอะไรก็ไม่รู้”
เราเคยคิดว่าจะฟ้องร้องไหมเพราะเวลามีอะไรคนก็จะโยงมาที่เราตลอด ?
“เดี๋ยวนี้เวลาผมเจอใครเขาก็จะกลัวผมหมด (หัวเราะ) แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ผมก็อยู่ของผมแบบนี้นี่แหละ อยู่แบบโสดๆ เพราะผมก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่รู้จะฟ้องเขาเพื่ออะไร เพราะเอาจริงๆ คนที่เขาเข้าใจผมก็มีเหมือนกัน ดังนั้นให้คนใช้วิจารณญานในการรับชมดีกว่า”
แต่ข่าวที่ออกมามันค่อนข้างส่งผลกระทบถึงชื่อเสียงเราและงานต่างๆ ที่เราทำอยู่ ?
“ผมก็โดนมาตลอดนะ ข่าวที่แย่ๆ ก็โดนมาตั้งแต่เข้าวงการ ซึ่งผมก็เป็นอย่างนี้ เป็นอย่างที่ทุกคนเห็น คือทำงานเรื่อยๆ มีงานเข้ามาเรื่อยๆ อย่างน้อยถึงผมจะผ่านอะไรมาเยอะ สิ่งที่ผมผ่านมาผมก็อยู่ในศีลอยู่ในคุณธรรม ผมทำชั่วแค่ไหนผมทำดีแค่ไหนผมรู้อยู่แก่ใจ ฉะนั้นใครอยากทำอะไรก็ปล่อยให้เขาทำไปครับ
แสดงว่าไม่มีใครทำอะไรเราได้ เพราะตั้งรับดี ?
“ผมบอกเลยว่าการเราจะผ่านพ้นไปได้ มันไม่ใช่เพราะเขาเลิกทำ แต่เราผ่านไปได้ด้วยใจที่มีสติ เมื่อผมค้นพบว่าถ้าเราไม่ยึดติดในสิ่งที่เขาต่อว่า ผมก็จะผ่านพ้นมันไปได้ ผมไม่สนใจใครจะเข้าใจว่าผมแย่ ผมเลว หรือผมดีจนน่าสรรเสริญ นั่นคือความคิดของเขา ผมก็จะอยู่ของผมอย่างนี้แหละ สุดท้ายชีวิตมันก็เหมือนความฝัน เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ใครทำร้ายเราก็ทำร้ายไป คนที่ชื่นชมเราก็ชมไป เราก็จะอยู่ของเราไปในคุณธรรมที่เรามี”
เราให้สัญญากับแฟนคลับว่าจะเป็นคนดี ?
“คือผมให้ดีที่สุดได้เท่านั้น เพราะว่าคำขอบคุณมันน้อยไปกับสิ่งที่เขาทำให้ เชื่อไหมวันที่มีข่าวบุพเพสันนิวาสตอนแรก ที่เขามาทำร้าย ทุกคนแบบพี่โป๊ปสู้ๆ มันคือที่สุดแล้ว คำขอบคุณก็ไม่พอสำหรับพวกเขา ผมเลยรู้สึกว่าถ้าผมได้ทำอะไรดีๆ ตลอดไปให้เขาเห็นตัวอย่างการดำเนินชีวิตที่ดี ผมว่าอันนี้น่าจะเป็นการตอบแทนเขาได้ดีที่สุด แต่ก็อย่างที่บอกแหละว่าผมเรื่องที่ไม่ดีก็มี เลยบอกเขาว่าดูสิ่งที่ดีแล้วกัน สิ่งที่ไม่ดีก็มีบ้าง แต่ไม่ได้มากมายขนาดนั้น เพราะผมก็คือมนุษย์คนหนึ่ง”
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำ เรารู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ?
“ใช่ครับ คือเขาไม่มีตัวตน เขาต้องเอาหน้าเขามาพูดเราถึงจะรู้ว่าเราเป็นแบบนั้นจริงๆ เหรอ แต่พอเข้าไปดูก็ปิดหนีไง คือคนนี้เขาเป็นใครเหรอทำไมเขาถึงมาทำร้ายเรา เราก็ไม่รู้ ก็เลยต้องปล่อยไป แต่ถามว่าสิ่งที่เราเคยทำมันเป็นอย่างที่ข่าวออกมาไหม คือ…มันก็ไม่ 100 เปอร์เซ็นต์หรอก จริง 50 เปอร์เซ็นต์ก็มี ไม่จริงเลยก็มี มันมีหมดครับ แต่พูดไปก็เท่านั้น คือเราต้องรู้ตัวเองด้วยว่าเรามีดีมากกว่าไม่ดีไหม”
คุณแม่เราพอได้รับทราบข่าวนี้ ท่านว่ายังไงบ้าง ?
“แม่เขาเฉยๆ ครับ เขาค่อนข้างจะปล่อยวางเยอะ เมื่อผมมีปัญหาปรึกษาเขาก็พูดธรรมะมา มันก็รู้อยู่แล้วแหละ ธรรมะมันอยู่ในธรรมชาติ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ปรึกษาเท่าไหร่เพราะเราก็รู้แล้วว่าทางมันเป็นยังไง แม่เขาก็อยู่ของเขาใช้ชีวิตมีความสุขดีไม่ค่อยเดือดร้อนกับเรื่องของผมเท่าไหร่หรอกครับ”