“นาว ทิสานาฏ” สุดงง เจอข้อความป่วนจิต ไดเรกต์มาขอซื้อต่อชุดชั้นในพร้อมขน
แอบกุมขมับอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับนางเอกสาว นาว-ทิสานาฏ ศรศึก เมื่อได้โพสต์ข้อความว่าถูกคุกคามจากชาวเน็ตรายหนึ่งที่ไดเรกต์แมจเสจมาขอซื้อชุดชั้นในของเธอเอง ด้วยการสอบถามว่าราคาของแต่ละชิ้นนั้นเท่าไหร่
ล่าสุด นาว ทิสานาฏ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในงาน JKN Spectacular Investment for Life ถึงเรื่องราวดังกล่าว ซึ่งเธอเผยว่าไม่ได้ซีเรียสอะไร ที่โพสต์เพียงแต่แค่อยากเตือนภัยเท่านั้น โดยก่อนหน้านี้ก็มีคนอื่นโดนมาก่อนบ้าง ซึ่งตัวเธอก็ไม่เข้าใจว่าจุดประสงค์ต้องการอะไรกันแน่
ก่อนหน้านี้มีคนโพสต์คุกคาม ขอซื้อชุดชั้นใน ?
“โดนทุกคนเลย ไม่ได้ซีเรียสอะไรเพราะว่าก่อนหน้านี้ก็มีคนโดนแล้ว และเราก็ไม่ใช่คนแรก คิดว่าเขาคงอยากมีซีน เราก็แค่โพสต์เตือนแต่ไม่ได้แจ้งความ เพราะมีคนที่โดนก่อนหน้านี้แจ้งความไปแล้ว ส่วนใหญ่จะมาในลักษณะไดเรกต์แมสเสจ ขอซื้อชุดชั้นในชิ้นบนเท่านี้ ชิ้นล่างเท่านี้ เราก็ไม่ได้ตอบอะไร แค่แคปมาโพสต์ลงในสตอรี่เฉยๆ”
อยากให้เขาหยุดคุกคาม ?
“หยุดได้แล้ว ทำทำไม งงค่ะ ไม่เข้าใจ ต้องการอะไร”
ยังมีอีกไหม ?
“ก็มีค่ะ คนอื่นก็โดนเรื่อยๆ แต่หนูเห็นคนอื่นก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรนะ เขาก็ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้”
กลัวจะตามไปที่บ้านไหม ?
“ถ้าอย่างนี้ยังน่ากลัว ไปแจ้งความได้ แต่แค่ข้อความยังไม่ได้ถึงขนาดข่มขู่ เขาพูดจาเพราะมาก ไม่ได้ข่มขู่นาวก็ไม่ได้ถึงขั้นบล็อกอะไร กินแค่นั้นแล้วก็หายไปเลยไม่ได้มีอะไร”
ตอนนี้หลายคนเริ่มโบยบินจากต้นสังกัด แล้วเราก็กลายเป็นว่าขึ้นแท่นนางเอกเบอร์ 1 ?
“ไม่ขนาดนั้น ก็ยังมีเจนเราที่ยังเหลืออยู่ ไม่ได้เบอร์ 1 หรอก”
รู้สึกยังไงเวลาคนมองอย่างนั้น ?
“อืม… มันก็แล้วแต่คนมอง คนอาจจะเห็นเราในเจนเรามีผลงานที่แบบต่อเนื่อง แล้วน้องๆ ตอนนั้นอาจจะยังไม่ได้มีผลงาน พอเจนเราออกไป มันก็ยังเหลือเราอยู่ ไม่ได้มองว่าคนจะมองว่าเราเป็นเบอร์หนึ่ง เบอร์สอง เบอร์สาม คิดว่าเราก็ยังอยู่ในช่อง เราก็ยังมีผลงานอยู่ แล้วช่องก็ให้ละครเราต่อเนื่อง”
ผู้ใหญ่ขอให้งานเราเยอะกว่าเดิมไหม ?
“เรื่อยๆ นะคะอย่างมากก็ปีละสองเรื่อง เพราะถ้าสามสี่เรื่องก็คงไม่ไหว”
กดดันไหมเวลามีกระแสว่าเราขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของช่อง ?
“ไม่ได้กดดันนะคะ เพราะที่ผ่านมาหนูก็อยู่ของหนูแบบนี้มาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะช่วงฝึกสอนหรือว่าอะไรหนูหายไป แต่พอกลับมาหนูก็ยังมีปีละสองเรื่องอยู่ แต่อาจจะมีบางปีที่ออนแอร์สามเรื่อง แต่ว่าที่เราได้รับมาก็ปีละเรื่องหรือสองเรื่องเท่านั้นไม่ได้เยอะกว่าใคร”
เพื่อนๆ มีมาเล่าให้ฟังกันไหมว่าเป็นยังไงบ้าง ?
“ไม่มีนะคะ อาจจะไม่ได้สนิทกันจนขนาดที่จะคุย เรื่องสัญญา เรื่องออก พี่ที่ออกไปเราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น เราอาจจะสนิทกันในการทำงานแต่ว่าน่าจะเป็นเรื่องของปัญหาเราไม่ทราบ”
ส่วนตัวของงานเราเหลือเยอะไหม ?
“ยังมีอยู่ค่ะ”
เปอร์เซ็นต์ออก ?
“หนูเพิ่งเซ็นต่อไปเมื่อต้นปี (หัวเราะ) ยังอยู่”
หลายคนก็กลัวว่าเราจะบินไปอีกคนหนึ่ง ?
“ยังๆ ยังแฮปปี้”
ฝีมือการแสดงคนก็จะต่างกันมากกว่าเดิม ?
“ก็ดูในเรื่องของบทให้มันหลากหลายมากขึ้น ตอนนี้ทุกคนก็รู้กันอยู่แล้วว่าหนูดราม่า พีเรียด รีเมค แทบมุกเรื่อง มีอยู่ไม่กี่เรื่องที่หนูไม่รีเมค และทุกคนก็จะถามว่ากดดันไหมรีเมค ซึ่งหนูเลยคำว่ากดดันไปแล้ว คือมันรีเมคทุกเรื่องแล้ว เราก็เตรียมใจ อยู่แล้วว่าการเปรียบเทียบมันจะเป็นยังไง”
ด้วยฝีมือของเราถึง คนเลยบอกว่าเราเป็นมือหนึ่ง หลายเรื่องที่ผ่านมากระแสดีหมด ?
“ก็มีทั้งดีบ้าง ไม่ดีบ้าง แล้วแต่ว่าคนจะชอบละครแบบไหน อย่างเรื่องแม่เบี้ย เราบวงสรวง เราฟิตติ้งไปกระแสดีมาก แต่ถ้าละครออนแอร์ไปบางคนอาจจะไม่ชอบเนื้อเรื่องก็ได้ เพราะว่านาวก็เคยดูแม่เบี้ยในเวอร์ชั่นอื่นๆ เหมือนกัน แต่เวอร์ชั่นนี้มันไม่ได้เหมือนกับที่เราเคยดู เราก็ไม่รู้ว่าคนดูจะชอบหรือเปล่า ถ้าคนดูชอบก็ดีแต่ถ้าคนดูแบบ ทำไมมันไม่เหมือนอันนั้น ทำไมผู้หญิงคนนี้เหตุผลเป็นแบบนี้ มันก็มีแบบนี้ มีขาวมีดำปนกันไป”
เวอร์ชั่นของเรากดดันไหม ?
“กดดันค่ะ ตอนถ่ายรู้สึกว่าสนุกมาก มันเหนื่อยมากๆ เหนื่อยที่สุดเท่าที่เคยเล่นมา มันดราม่า หนักที่สุดเท่าที่เคยเล่นมาแล้วก็ เลิฟซีนหนักที่สุดเท่าที่เคยเล่นมา ทุกอย่างเลย”
เรียกว่างานประสบความสำเร็จแล้วความรักล่ะ ?
“แฮปปี้ค่ะ”
ข่าวดีจะมีไหม ?
“ไม่คิดเลยอ่ะ พี่ถามหนูกี่ครั้งหนูก็ยังตอบเหมือนเดิม ณ ตอนนี้หนูยังไม่คิดถึงเรื่องวางแพลนแต่งงาน ตอนนี้แฮปปี้ตรงนี้มากแล้ว”
มีแอบคิดไหม ?
“หนูไม่คิดนะ ไม่ได้อยากแต่งงานด้วยซ้ำ คือถ้าเป็นไปได้เราก็อยู่กันแบบนี้โอเคแล้ว พ่อแม่รับรู้ หรือถ้าเกิดว่าจะมีการจัดงานแต่งงานจริงๆ อาจจะไม่ได้หวือหวา”
นิวโอเคหรอที่จะไม่มีการจัดงานแต่งงาน ?
“เขาก็โอเคนะคะ คือ ถ้าเราไม่ได้อยู่ในวงการ น่าจะไม่ได้คิดตรงนี้เลย แต่พอเราอยู่ในวงการบันเทิง ก็ต้องมีเรื่องของประเพณี ต้องทำให้ถูกต้อง เราก็คุยกันนะคะว่าถ้าเกิดสมมติเราไม่ได้อยู่ในวงการก็อาจจะมีจดทะเบียน ผูกข้อไม้ข้อมือให้พ่อแม่รับรู้ แต่พอเราอยู่ในวงการบันเทิง ก็มีหลายอย่าง มีผู้ใหญ่หลายท่าน ก็ต้องคิดไปอีก อันนี้เราคุยกันจบไปแล้ว ยังไม่ได้คืบหน้า คือคุยกันนานมากแล้วค่ะ”
พ่อแม่ไม่กดดันใช่ไหม ?
“ไม่กดดันเลยค่ะ ไม่ได้คุยเรื่องนี้เลย คุณพ่อคุณแม่ทั้งของนาวและพี่นิว ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย คงคิดว่าท่านคงเห็นจากที่เราสัมภาษณ์แล้ว คงเห็นในทุกๆ วันว่าเป็นแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว เอาไว้อนาคตไกลๆ ค่อยคิดอีกทีหนึ่ง”