ปอ ทฤษฎี รู้แล้วตัวเองถูกตัดขา
หลังจากอาการของ ปอ ทฤษฎี โดยรวมแล้วดีขึ้นเรื่อยๆ และมีการรับรู้ตอบสนองมากขึ้น ล่าสุดวันนี้ (9 ธ.ค.) อาน้ำอ้อย ศรมนตรา ได้เปิดเผยว่า ปอ รับรู้แล้วว่าตนเองถูกตัดขาและยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นได้
“โดยรวมวันนี้ยังคงเช่นเมื่อวาน ปฎิกิริยาการตอบรับที่มีต่อโบว์คือถามหาลูก ยังพูดคุยได้ปกติ แต่เสียงแหบแห้งอยู่ ยังไม่ชัดเท่าไหร่ ส่วนอื่นๆ ยังทรงอยู่ ยังเป็นการเฝ้าระวังอยู่ตลอด ”
ครอบครัวมีกำลังใจมากขึ้น
“เขาอยู่ในสภาพที่เขาต้องการที่จะพูดมากกว่านี้ อยากขยับตัวมากกว่านี้เท่านั้นเอง ส่วนเรื่องที่ต้องเฝ้าระวังคือเรื่องปอด ส่วนอื่นๆ ยังไม่มีอะไรทรุด”
“วันนี้ปอก็พูดทักทายภรรยาปกติ ก็มีถามหาน้องมะลิ มะลิก็ได้เข้าไปแป๊บเดียว เพราะตอนนี้คุณหมอยังต้องตรวจร่างกายปอตลอด”
ได้แจ้ง ปอ เรื่องตัดขาหรือยัง?
“เท่าที่ทราบทางแพทย์ ทางหมอจิตวิทยา ได้เข้าไปคุยเรียบร้อยแล้ว ปอไม่ได้แสดงความตกใจ หรือว่าเสียใจอะไรมาก ถือว่าผ่านตรงนั้นมาแล้ว ตอนนี้ขึ้นอยู่กับว่าเวลาปอฟื้นขึ้นมาจริงจัง เขาต้องมากายภาพ ตรงส่วนนั้น เราคิดว่าเขาคงแข็งแรงในด้านจิตใจ เพราะว่าตัวปอเองเดิมทีเป็นคนค่อนข้างแข็งแรงอยู่แล้ว ในด้านสภาวะจิตใจ”
ปอ รับรู้แล้วว่ามีการตัดขา?
“ทราบเรียบร้อยแล้วครับตั้งแต่เมื่อวาน แต่ว่าได้เห็นหรือเปล่าอายังไม่แน่ใจ เพราะไม่ได้เข้าไปด้วย แต่เป็นการพูดคุยระหว่างแพทย์กับตัวปอเอง”
ครอบครัวพูดเพิ่มเติมอะไรไหม?
“คงมีพูดคุยเป็นเพื่อน เป็นกำลังใจให้สู้ต่อไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ปอได้มีชีวิตกลับมาอยู่กลับพวกเราเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ณ ตอนนี้ เราต้องการให้เขากลับมาเป็นปกติโดยเร็วที่สุด ถึงแม้ว่าเท้าซ้ายจะหายไปก็ตาม แต่ขณะเดียวกัน ปอเองเขายอมรับสภาพนี้ไปแล้ว ตอนแรกเรายังวิตก กังวลอยู่ แต่ในเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปว่าเขารับได้ ส่วนอาการอื่นๆ คงต้องรอแพทย์ออกมาเปิดเผยเองว่าต้องทำอะไรต่อไป”
ทางแพทย์ได้แจ้งไหมว่า ถ้าเกิดหายดีแล้ว เรื่องเท้าจะมีการรักษายังไงเพิ่มเติม?
“เขามีวิธีการรอรับอยู่แล้ว ทางเราก็เตรียมการไว้เหมือนกัน มีการได้พูดคุย เตรียมการไว้หมดทุกแบบครับ ต้องดูว่าแพทย์เขาจะเริ่มเมื่อไหร่ ที่ปอจะต้องเริ่มติดเท้าซ้ายใหม่ ทุกอย่างต้องใช้เวลาหมด ต้องค่อยเป็นค่อยไป อีกสักพักเลย แต่ใจปออยากลุกขึ้นมาเดิน ออกมาเหมือนคนปกติ ซึ่งจริงๆ เขาไม่รู้หรอกว่าอะไรเกิดขึ้นกับเขาบ้าง ตอนนี้เริ่มรับรู้บ้างครับ เขาเองก็จะถามโบว์ตลอดว่าวันนี้วันไหน วันที่เท่าไหร่ เขาก็คงคิดแหละว่าเขานอนบนเตียงนานขนาดไหน”