วิธีอ่านคู่สกุลเงิน: อธิบายราคา Forex สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่

ราคา Forex นั้นสะท้อนราคาของสกุลเงินต่าง ๆ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง เนื่องจากกำไรหรือขาดทุนของเทรดเดอร์ถูกกำหนดโดยการเคลื่อนไหวของราคา (ราคาที่เสนอ) นอกจากจะประเมินความเสี่ยงและเลือก โบรกเกอร์ Forex แล้ว จำเป็นต้องมีการพัฒนาความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับวิธีการอ่านคู่สกุลเงินสำหรับมือใหม่ โดยจะครอบคลุมประเด็นที่สำคัญที่สุดของราคา forex ที่เทรดเดอร์ทุกคนต้องรู้ ไม่ว่าจะเป็นการเสนอราคาและขอราคา สเปรด ใบเสนอราคาสกุลเงิน รวมถึงเคล็ดลับเกี่ยวกับวิธีการอ่านคู่สกุลเงิน

Forex Quote คืออะไร
ราคา forex คือ ราคาของสกุลเงินหนึ่งในรูปของอีกสกุลเงินหนึ่ง ราคาเหล่านี้จะเกี่ยวข้องกับคู่สกุลเงินเสมอ เพราะคุณกำลังซื้อสกุลเงินหนึ่งโดยการขายอีกสกุลเงินหนึ่ง ตัวอย่างเช่น ราคาของ 1 ยูโรอาจมีราคา 1.1404 ดอลลาร์เมื่อดูคู่สกุลเงิน EUR/USD โบรกเกอร์ Forex มักจะเสนอราคาสองราคาสำหรับคู่สกุลเงินใด ๆ และรับส่วนต่าง (สเปรด) ระหว่างราคาทั้งสอง ภายใต้สภาวะตลาดปกติ เพื่อที่จะอ่านคู่สกุลเงินได้อย่างถูกต้อง เทรดเดอร์ควรตระหนักถึงปัจจัยพื้นฐานของราคา forex ดังต่อไปนี้

•รหัส ISO หรือองค์การระหว่างประเทศเพื่อการมาตรฐาน (ISO) พัฒนาและเผยแพร่มาตรฐานสากลและได้นำไปใช้กับสกุลเงินทั่วโลก ซึ่งหมายความว่าสกุลเงินของแต่ละประเทศย่อมาจากตัวอักษร 3 ตัว ตัวอย่างเช่น เงินยูโรย่อให้เหลือ EUR และดอลลาร์สหรัฐเป็น USD
•สกุลเงินหลักและสกุลเงินแปรผัน ราคา Forex แสดงสองสกุลเงิน ได้แก่ สกุลเงินหลักที่ปรากฏขึ้นก่อนและสกุลเงินอ้างอิง หรือสกุลเงินแปรผันซึ่งจะปรากฏสุดท้าย ราคาของสกุลเงินแรกจะแสดงในหน่วยของสกุลเงินที่สองเสมอ

การเสนอราคาและการขอราคา (Bid และ Ask)
เมื่อทำการซื้อขายฟอเร็กซ์ คู่สกุลเงินจะเสนอราคาสองราคาที่แตกต่างกันเสมอ ราคา Bid ในช่อง Sell คือราคาที่เทรดเอร์สามารถขายสกุลเงินได้ และราคา Ask ในช่อง Buy คือราคาที่เทรดเดอร์สามารถซื้อสกุลเงินได้ มือใหม่อาจสับสนได้ในตอนแรกเนื่องจากเป็นเรื่องปกติที่จะนึกถึง “การเสนอราคา” ในแง่ของการซื้อ ดังนั้นเพียงจำไว้ว่าคำศัพท์ของการเสนอราคาและการขอราคานั้นมาจากมุมมองของโบรกเกอร์ เทรดเดอร์มักจะซื้อฟอเร็กซ์เมื่อราคาต่ำและขายเมื่อราคาเพิ่มขึ้น หรือขายฟอเร็กซ์โดยคาดว่าสกุลเงินจะอ่อนค่าลงและซื้อคืนในราคาที่ต่ำกว่าในอนาคต

สเปรด (Spreads)
ราคาที่จะซื้อสกุลเงินมักจะมากกว่าราคาขายสกุลเงินเสมอ ความแตกต่างนี้เรียกว่าสเปรดและเป็นที่ที่ โบรกเกอร์ Forex หารายได้จากการดำเนินการซื้อขาย สเปรดมีแนวโน้มที่จะน้อยกว่าสำหรับคู่สกุลเงินหลักเนื่องจากปริมาณการซื้อขายและสภาพคล่องที่สูง

Direct Quote และ Indirect Quote
ราคาสกุลเงินใน forex มักจะแสดงตาม “สกุลเงินหลัก” ที่อยู่ในใจ เช่น ประเทศที่คุณอาศัยอยู่ ราคาแบบ Direct สำหรับเทรดเดอร์ในสหรัฐอเมริกาที่ต้องการซื้อยูโรจะมองหาคู่สกุลเงิน EUR/USD และจำเป็นจะต้องเกี่ยวข้องกับพลเมืองสหรัฐฯ ตามใบเสนอราคาอยู่ในสกุลเงิน USD ใบเสนอราคาแบบ Direct นี้จะให้ราคา 1 ยูโรแก่พลเมืองสหรัฐฯ ในแง่ของสกุลเงินหลัก ซึ่งก็คือ 1.1404 ส่วนราคาแบบ Indirect นั้นเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสกุลเงินที่เป็นราคาแบบ Direct (1/ราคา direct = 0.8769) แสดงมูลค่าของสกุลเงินในประเทศหนึ่งหน่วยเป็นสกุลเงินต่างประเทศ ราคาแบบ Indirect จะเป็นประโยชน์ในการแปลงการซื้อสกุลเงินต่างประเทศในต่างประเทศเป็นสกุลเงินในประเทศ

เคล็ดลับง่ายๆ ในการอ่านและทำความเข้าใจเกี่ยวกับราคาฟอเร็กซ์
•ราคา Bid และ Ask มาจากมุมมองของโบรกเกอร์ ซึ่งเทรดเดอร์จะซื้อสกุลเงินที่ราคา Ask และขายที่ราคาเสนอซื้อ
•สกุลเงินหลักคือสกุลเงินแรกในคู่ และสกุลเงินอ้างอิงคือสกุลเงินที่สอง
•การเคลื่อนไหวที่เล็กที่สุดสำหรับคู่สกุลเงินที่ไม่ใช่ JPY คือ 1 pip (การเคลื่อนไหวหลักเดียวในตำแหน่งทศนิยมที่ 4 ของราคาที่เสนอ และการเคลื่อนไหวหลักเดียวในตำแหน่งทศนิยมที่ 2 สำหรับคู่ JPY)
•สเปรดเป็นอุปสรรค์เริ่มต้น (ต้นทุน) ที่เทรดเดอร์ต้องรู้ในการซื้อขาย

หากคุณเพิ่งเริ่มต้นเส้นทางการเทรด forex หรือยังไม่ได้เริ่มเทรด จำเป็นต้องเข้าใจพื้นฐานของการซื้อขาย Forex เทรดเดอร์ Forex มักจะอ้างอิงถึง pips เมื่ออธิบายว่าตลาดเคลื่อนไหวไปได้ไกลแค่ไหนในแต่ละวัน pip คือ การเคลื่อนไหวหลักเดียวในตำแหน่งทศนิยมที่ 4 ของราคา forex แต่ระวังข้อยกเว้นในราคา JPY ซึ่งอธิบายไว้ข้างต้นแล้ว สกุลเงินและตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมีการพัฒนาอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์มากมายที่มีอิทธิพลต่อตลาดจนกลายมาเป็นตลาดที่มีมูลค่า 5 ล้านล้านดอลลาร์ต่อวัน

ใครที่มีความกังวลและไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นลงทุนอย่างไรดี แนะนำให้วางแผน เตรียมเงิน และประเมินความเสี่ยงในการลงทุนก่อน จากนั้นก็ดูว่าเราสามารถรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน การประเมินความเสี่ยงจะช่วยให้เรารู้ตัวเองว่ายินดีที่จะเสียเงินไปมากหรือน้อย จากนั้นก็จะเป็นรูปแบบการลงทุนที่เหมาะกับความเสี่ยงที่เรารับได้ แล้วก็มาศึกษาตลาดและการเทรดแบบจริง ๆ จัง ๆ อย่าลืมติดตามข่าวสารให้ทันปัจจุบันด้วย เพราะอาจมีบางเหตุการณ์ที่ทำให้ราคาตลาดเปลี่ยนโดยไม่คาดคิด