หมอป็อบ กราบพ่อแม่พริตตี้สาว อ้างฉีดให้คนอื่นไม่มีปัญหา
ตร.ตั้ง 3 ข้่อหาหนัก “หมอป็อบ” ฉีดฟิลเลอร์ให้สาวพริตตี้ จนเป็นเจ้าหญิงนิทรา อ้างฉีดให้คนอื่นไม่มีปัญหา ก้มกราบขอโทษพ่อแม่เหยื่อ
(21 ก.ย.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (กก.ดส.) ตัวแทนจากกระทรวงสาธารณสุข ร่วมแถลงจับกุมนายธนัช ณัชวีระกุล อายุ 24 ปี หรือที่รู้จักกันในวงการเสริมความงามว่า “หมอป็อบ” ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอ้างตัวเป็นแพทย์ ฉีดสารฟิลเลอร์ให้น.ส.อาทิตยา เอี่ยมใหญ่ หรือน้องกระแต พริตตี้สาวจนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา โดยหมอป็อบ ได้ก้มกราบแทบตักพ่อและแม่ของน้องกระแต พร้อมกล่าวขอโทษที่มีส่วนเป็นต้นเหตุทำให้น้องกระแต ต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา
จากการสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่า เคยเป็นผู้ช่วยพยาบาลที่คลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งและได้ลาออกมา จากนั้นได้รับฉีดสารฟิลเลอร์ และสารกลูต้าไธโอน ให้กับพริตตี้มาแล้วประมาณ 20 ราย โดยที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหา กระทั่งฉีดสะโพกให้น้องกระแต โดยใช้สารฟิลเลอร์ที่ไปรับมาจากพริตตี้คนหนึ่ง โดยคิดค่าฉีด 4 หมื่นบาท จากนั้นน้องกระแต หายใจไม่ออกเหมือนกับหมดสติ ตนเลยรีบขับรถพาไปส่งโรงพยาบาล พอเห็นข่าวทางสื่อทำให้เครียดมาก จึงติดต่อมอบตัวกับเจ้าหน้าที่
ทั้งนี้ระหว่างการสอบปากคำ หมอป็อบ ไม่ยอมเอ่ยถึงว่าได้นำสารเสริมความงามมาจากที่ใด แต่ได้กล่าวแนะนำหญิงสาวที่ต้องการเสริมความงาม ว่าอย่าไปฉีดกับหมอเถื่อน ควรทำกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพราะอาจเกิดความผิดพลาดขึ้นได้ อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า หมอป็อบ นั้นทำงานคู่กับพริตตี้สาวคนหนึ่ง ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ “น้องโบกี้” โดยพริตตี้สาวคนนี้ จะจัดเตรียมสารเสริมความงามทั้งหลายมาให้กับหมอป็อบ ที่รับหน้าที่ฉีดเข้าร่างกายให้หญิงสาวที่ต้องการเสริมความงาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการขยายผลจับกุมตัวมาสอบสวน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้ง 3 ข้อกล่าวหาคือประกอบกิจการและสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2.ไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและได้รับอนุญาติ มีโทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และ3.กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 พันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน เจ้าของท้องที่ไปดำเนินคดี