เก้า จิรายุ ถูกเบี้ยวค่าตัว
ทำเอานักแสดงหนุ่ม “เก้า จิรายุ ละอองมณี” ถึงกับออกอาการเซ็งไม่หาย จนต้องขอเปิดใจกลางงาน “สรรเสริญพระบารมี 100 ปี ร่วมร้อยใจไทย” กันเลยทีเดียว หลังจากที่มีบุคคลคนบางกลุ่มอ้างเป็นเจ้าหน้าที่องค์กรดังว่าจ้างให้ไปร่วมงานโชว์ตัวที่ประเทศพม่า ท่ามกลางเยาวชนที่มาเฝ้ารอดูกว่า 5,000 คน ซึ่งเหตุการณ์ในวันนั้นนอกจากค่าตัวที่ได้จะไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายของพระเอกหนุ่มแล้วนั้น ทางทีมงานก็ยังจัดคิวแสดงโชว์ช้าจนทำให้ไม่สามารถเดินทางไปร่วมงานต่อไปได้ทันกำหนดอีกด้วย!!! ด้านพระเอกหนุ่มก็ได้ยืนยันว่าที่ตนออกมาพูด ไม่ได้เป็นเพราะต้องการเอาความหรือประจานใคร แต่แค่ต้องการให้เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นอุทาหรณ์ของคนบันเทิงที่ถูกคนบางกลุ่มนำชื่อของเยาวชนหรือความรู้สึกคนมาแอบอ้างในการทำงานเท่านั้นเอง…
เก้า – “คือมีคนติดต่อให้ผมไปทำงานที่ประเทศพม่าเป็นงานเพื่อสังคม ซึ่งค่าตัวที่เขาขอมาผมก็ให้เป็นแบบพิเศษเนื่องจากลักษณะของงานคือเป็นโครงการที่ดี แต่พอถึงวันเดินทางคือ เขาให้ตั๋วเครื่องบินไป แต่ไม่ให้ตั๋วเครื่องบินกลับ แล้วพอใกล้จะถึงวันงานเขาก็ยังไม่ทำตามข้อตกลงอีกหลายข้อ แต่ตัวผมเองก็ขอทำหน้าที่ของผมไปก่อนถึงแม้ตัวเขาเองจะบกพร่องบ้างอันนั้นเราก็เข้าใจ”
ที่บอกว่าเขาไม่ทำตามข้อตกลงมีอะไรบ้าง ?
แม่ – “เรื่องการเดินทาง คือเขาตกลงว่า เดินทาง 27 ทำงาน 28 เสร็จแล้วจึงเดินทางกลับ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น ส่วนเรื่องค่าตัวที่บอกก็คือจะมีการชำระเงินล่วงหน้าครึ่งหนึ่งก่อนเดินทาง แต่ปรากฏว่าพอถึงเวลาเราก็ยังไม่ได้เงิน โดยเขาอ้างว่าเขาอยู่พม่าแล้วก็มีปัญหาเรื่องการโอนนู่นนั่นนี่ ซึ่งตอนนั้นเราก็ยอมรับเลยว่าเราคิดเหมือนกันว่าจะไม่ไป”
เก้า – “คือถ้าเกิดทำอย่างนั้นมันก็จะไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่เสีย แต่คนที่นู่นเขาก็จะเหมารวมไปทั้งหมดว่าเป็นคนไทยทั้งประเทศ เพราะคนที่นำงานไปจัดเขาเป็นคนไทย แล้วอีกอย่างคือเราไม่อยากให้ทุกคนที่เขามารอเจอเราต้องผิดหวังหรือเสียความรู้สึกด้วย”
แม่ – “นอกจากเหตุผลที่น้องเก้าบอกแล้ว ทีมงานเขาก็ยังยืนยันอีกว่าให้เราไปเถอะแล้วเขาจะจ่ายเงินให้ตรงหน้าด่าน แต่พอไปถึงงานเขาก็มาบอกอีกว่าเราอาจจะกลับไม่ทัน คือวินาทีนั้นแม่ก็ตกใจ เพราะเราไปถึงตามกำหนดทุกอย่าง สุดท้ายคือเราต้องทำงานทั้งหมด 3 วัน และเราต้องแคนเซิลงานที่รับไว้ที่ไทย รวมถึงต้องคืนเงินมัดจำที่เขาให้ไว้ก่อนหน้านี้ด้วย”
ตอนนี้เป็นยังไงบ้างยังคุยยังตกลงกันอยู่หรือเปล่า ?
แม่ – “เขาปิดโทรศัพท์หายไปเลยค่ะ ตอนนี้ติดต่ออะไรไม่ได้เลย คือแม่ต้องบอกก่อนนะว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเงิน เพราะอย่างที่บอกคืองานมีจริง และมีคนรอดูน้องเก้าอยู่จริง ๆ ดังนั้นมันเลยเป็นภาระที่น้องเขาต้องรับผิดชอบ เพราะไม่อยากให้คนที่นั่นมองว่าศิลปินไทยคนนี้เบี้ยวงานที่พม่า”
สรุปก็คือตอนนี้ยังติดต่อฝ่ายนั้นไม่ได้เลย ?
แม่ – “ใช่ค่ะ ติดต่อไม่ได้”
หลังจากนี้คิดว่าจะมีการแจ้งความไหม ?
แม่ – “ยังไม่ได้แจ้งความค่ะ แต่ตอนนี้กำลังมอบให้ทนายช่วยดูค่ะว่ามันเป็นยังไง เพราะเราไม่คิดอยู่แล้วว่าเราจะได้เงิน แต่ประเด็นหลัก ๆ ที่อยากมาพูดวันนี้เลยก็คือ มีเด็ก ๆ ที่เสียโอกาสเพราะถูกคนเหล่านี้เอาเขามาแอบอ้างเยอะมาก รับเงินสปอนเซอร์มาแล้วให้เราไปช่วย”
พอจะบอกได้ไหมค่าเสียหายของมูลค่ากี่แสน ?
แม่ – “ไม่เยอะเลย ตัวเลขไม่ได้เป็นตัวเลขที่เยอะเลย และที่สำคัญคือเรารับของเขาแค่ 50% เอง แต่นอกจากเราจะไม่ได้รับเงินแล้ว เรายังต้องสูญเงินในส่วนที่เราไปงานให้เขาไม่ทันอีกด้วย”
ไหน ๆ วันนี้ก็ออกสื่อแล้วอยากจะบอกให้เป็นอุทาหรณ์เลยไหมว่าเขาเป็นใคร ?
แม่ – “อย่าพูดตรงนี้เลยค่ะ เพราะสำหรับตัวแม่เองเอาจริง ๆ เลยนะ คือถ้าโครงการเขามีอยู่จริงและเขานำเงินมาจ่ายให้ เราก็พร้อมที่จะนำเงินนั้นไปช่วยโครงการนั้นเช่นเดียวกันค่ะ”
คือถ้าเราไม่พูดคนที่เขาตามข่าวเขาก็อาจจะไม่รู้ว่าคนกลุ่มนี้คือใคร และเขามีตัวตนจริง ๆ หรือเปล่า ?
เก้า – “ผมไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องโกหกอยู่แล้วครับ แล้วอีกอย่างเรื่องที่บอกว่าแจ้งความจับเขา อันนั้นตัวผมเองก็มองว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำแบบนั้นเหมือนกัน เพียงแต่ผมรู้สึกว่ามันอาจจะมีดารานักแสดงอีกหลายคนที่โดนแบบผม คือถูกเขาเอาโครงการดี ๆ มาแอบอ้าง ดังนั้นผมขอนะครับอย่าทำแบบนี้เลย มันไม่ดี”
แม่ – “จริง ๆ เอกสารเรามีทุกอย่างนะคะ เพียงแต่ว่าถ้าเราเอาเขามาพูดเดี๋ยวมันก็จะกลายเป็นว่าเราหมิ่นประมาทเขาไปก่อนค่ะ”
เข็ดงานลักษณะนี้เลยไหมเจอแบบนี้เข้าไป ?
เก้า – “คือที่ผ่านมาโครงการดี ๆ คนที่ทำงานรักษาสัญญามันก็มีครับและเราก็ให้ใจ แต่ถามว่าเข็ดไหมก็คงไม่ครับ แค่อาจจะต้องระวังตัวมากขึ้นเท่านั้นเอง”
งานนี้งานแรกเลยไหมที่เราโดนแบบนี้ ?
แม่ – “ไม่ใช่ค่ะ คือก่อนหน้านี้มีมาหมดแล้ว โดนมาหมดแล้วเยอะแยะมากมาย จนคนเขามองว่าแม่เรื่องมาก เรื่องเยอะ ขอนู่นขอนี่ขอนั่นตลอด และประเด็นวันนี้ที่บอกคือมันไม่ใช่เรื่องของเงินจริง ๆ มันเป็นเรื่องของการที่ฝ่ายนั้นเขาไม่ตกลงแบบตรงไปตรงมามากกว่า แล้วที่แม่อยากจะบอกเลยคือวันที่เรานั่งรถเพื่อเดินทางไปขึ้นเวที ในใจแม่คิดเลยนะว่าเรารู้ว่าเราไม่ได้ตังค์ แต่เราต้องไปเพราะเราต้องรับผิดชอบเนื่องจากมีคนกำลังรอดูเขา”
หลังจากวันนี้ไปคิดไหมว่าคนจะมองว่าเราใจหล่อ ?
เก้า – “ผมไม่ได้อยากให้คนมองอย่างนั้นเลยครับ เพราะผมทำแค่ตามหน้าที่ของผม ผมไม่ได้เป็นฮีโร่ ผมแค่รักษาสัญญา”
สรุปสุดท้ายเลยก็คือคิดว่าจะมีการดำเนินคดีกับบุคคลกลุ่มนี้เลยไหม ?
แม่ – “อย่างที่บอกค่ะต้องรอผู้ใหญ่ แต่ที่สำคัญที่สุดในตอนนี้เลยก็อยากให้ตรวจสอบว่าโครงการนี้มีอยู่จริงหรือเปล่า เพราะฝ่ายนั้นเขาหายสาบสูญไปเลย”
เก้าถ้าเขาดูอยู่เรามีอะไรอยากจะฝากบอกเขาอีกไหม ?
เก้า – “เขาอาจจะโทรศัพท์เสียก็ได้ครับ เดี๋ยวค่อยว่ากัน (หัวเราะ)”