จากคดีปริศนาการหายตัวไปของ ผอ.อ้อย หรือ น.ส.จุฑาภรณ์ อายุ 37 ปี ผู้อำนวยการกองการศึกษา อบต.ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ที่หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค. 60 โดยทางญาติช่วยกันค้นหาเป็นเวลากว่า 90 วันก่อนพบโครงกระดูก เสื้อผ้าและนาฬิกาของ ผอ.อ้อย ถูกทิ้งอยู่ห่างจากฐานปฏิบัติการอนุพงศ์ กองร้อยทหารพรานที่ 2305 อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี

โดยระหว่างที่หายตัวไปนั้นไลน์ของ ผอ.อ้อย กับมีความเคลื่อนไหวและมีสัญญาณมือถือ แต่ไม่ยอมรับสาย ที่สำคัญมีการทำธุรกรรมการโอนเงินผ่านระบบออนไลน์ไปยังหมายเลขบัญชีหนึ่งอย่างต่อเนื่องกลายเป็นหลักฐานนำไปสู่การมัดตัวฆาตกรที่เชื่อมโยงไปยัง ผู้กองเหน่ง หรือ ร.อ.ศุภชัย อายุ 30 ปี และถูกแจ้งข้อกล่าวหาหนัก 3 ข้อหาคือ

news

1.ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

2.หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

3.ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ

จุดเริ่มต้นของคดีการหายตัวไปอย่างปริศนาถูกแกะรอยเชื่อมโยงไปสู่ฆาตกรได้อย่างไร ย้อนดูเส้นทางฆาตกรรมอำพราง ผอ.อ้อย

เบาะแสแรกเกิดขึ้นจากการสอบถามเพื่อนของ ผอ.อ้อยพบว่า เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อนหายตัวไป ผอ.อ้อยได้ชักชวนให้พาไปทวงหนี้จำนวนกว่า 5 แสนบาทที่ยังไม่ได้คืนกับคนมีสีท่านหนึ่ง โดยมีหลักฐานเป็นบัตรเอทีเอ็มและหากไม่คืนเงินจะทำเรื่องฟ้องผู้บังคับบัญชา หลังจากนั้นก็ไม่พบตัว ผอ.อ้อย อีกเลย

 

1 ก.ค. 60 พบว่ามีการโอนเงินจากบัญชีของ ผอ.อ้อย จำนวน 1 แสนบาทเข้าบัญชีของแม่ของผู้กองเหน่ง

และภายในวันเดียวกันผู้กองเหน่งได้ไปขอยืมเงินจาก สุชาวดี จำนวน 20,000 บาท แต่ไม่มีให้ ผู้กองเหน่งจึงถามว่ารับจำนำรถหรือไม่

3 ก.ค. 60 วันเกิดเหตุ ผอ.อ้อยได้ขับรถไปกับผู้กองเหน่ง สาเหตุไม่เป็นที่แน่ชัดแต่คาดว่าอาจจะหลอกไปตกลงกันเรื่องหนี้สินที่หยิบยืมไป โดยออกเดินทางตั้งแต่ 8 โมงเช้า จนเมื่อเวลา 12.30 น. สัญญาณโทรศัพท์ ผอ.อ้อยหายไป

แต่เมื่อเวลา 12.50 น. กลับพบสัญญาณโทรศัพท์ของผู้กองเหน่งและ ผอ.อ้อย เดินทางไปบนถนนกันทรลักษณ์-เขาพระวิหาร และเลี้ยวเขาสู่ถนนภูมิชรอล ไปทาง อ.น้ำยืน

เวลาประมาณ 15.30 น. ผู้กองเหน่งโทรหา สุชาวดี คุยเรื่องขายรถของ ผอ.อ้อย

เวลาประมาณ 17.00 น. ผู้กองเหน่งอยู่แถวฐานปฏิบัติการชายชาญ ซึ่งห่างจากจุดพบศพ 3 กิโลเมตร

 
เวลา 16.56 นาที ผู้กองเหน่งเข้าระบบ KTB ออนไลน์ของ ผอ.อ้อย และโอนเงินจำนวน 11,774 บาท เข้าบัญชีของ ผอ.อ้อยอีกบัญชี ก่อนโอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง

18.24 น. ผู้กองเหน่ง เดินทางจาก อ.กันทรลักษณ์

18.50 น. สัญญาณโทรศัพท์ของ ผอ.อ้อย ขาดหายไป

4 ก.ค. 60 เวลาประมาณ 10.00 น. ผู้กองเหน่งเอาเอกสารการโอนรถและบัตรประชาชนตัวจริงของ ผอ.อ้อย มาให้นางสุชาวดี ที่ จ.อุบลราชธานี

5 ก.ค. 60 ผู้กองเหน่งใช้ไลน์ของ ผอ.อ้อย ส่งข้อความไปทวงหนี้ เพื่อนร่วมงานจำนวน 60,000 บาท

เวลาประมาณ 12.54 น. ผู้กองเหน่ง เข้าไลน์ ผอ.อ้อย สั่งซื้อครีมกันแดด DERMACOS และจ่ายเงินด้วยการเข้าระบบ KTB ออนไลน์ของ ผอ.อ้อย โอนเงิน 1,620 บาท ชำระค่าสินค้าและส่งให้กับผู้รับคือตัวเอง

 

เวลาประมาณ 13.36 น. ผู้กองเหน่งเข้าไลน์ ผอ.อ้อย อีกครั้ง เพื่อแชทไปขอยืมเงิน นางหมายปอง จำนวน 20,000 บาท และขอยืมเงินกับ ศิรินฎาวัลย์ จำนวน 19,800 บาท จากนั้นผู้กองเหน่งเข้าระบบ KTB ออนไลน์ของ ผอ.อ้อย โอนเงินที่หลอกมาทั้งหมดจำนวน 39,855 บาท โอนเข้าบัญชีตัวเอง

8 ก.ค. 60 ผู้กองเหน่งร่วมกับสุชาวดี นำรถยนต์ของ ผอ.อ้อยไปขาย ได้เงิน 180,000 บาท โดย สุชาวดี ได้โอนเงินจำนวนนี้เข้าบัญชี ผอ.อ้อย จากนั้นผู้กองเหน่งเข้าระบบออนไลน์บัญชีของ ผอ.อ้อย โอนเงินจำนวน 97,000 บาท เข้าบัญชีตัวเองทันที

 

หลังจากการหายตัวไปของ ผอ.อ้อย ที่ติดต่อไม่ได้แต่ไลน์ยังเปิดอยู่ ทางญาติของ ผอ.อ้อยจึงเริ่มสงสัยเพราะไลน์ของ ผอ.อ้อยมีพฤติกรรมหลอกยืมเงินของคนรู้จัก จึงไปค้นดูธุรกรรมกับทางธนาคารพบว่า มีหมายเลขบัญชีหนึ่งที่ถูกโอนเงินเข้าไปเป็นจำนวนมาก

จึงลองโอนเงินเข้าไปยังหมายเลขบัญชีนั้นแล้วพบว่าเป็นชื่อ นายศุภัย ซึ่งเป็นทหารยศร้อยเอก ซึ่งทราบภายหลังว่าบัญชีปลายทางเป็นของผู้กองเหน่งนั่นเอง