new

 

ยกเรื่องราวชีวิตประสบการณ์ตัวเองมาเป็นเรื่องราวสอนใจแบบจัดเต็มไม่มีกั๊ก สำหรับนักร้องสาวสะดือสวย แคทรียา อิงลิช ที่ล่าสุดเดินทางมาเปิดใจผ่านรายการบันเทิง Z story ช่องอมรินทร์ทีวี เอชดี 34 ถึงอาการป่วยโรคซึมเศร้าที่ทนทรมานมากว่า10ปีเต็ม พร้อมแนะนำวิธีการเผชิญกับโรคซึมเศร้า โรคฮิตของคนไทยที่กำลังเป็นปัญหาร้ายแรงในขณะนี้

ย้อนเล่านิดนึง เรารู้ตัวเองได้ไงว่ามีอาการของโรคซึมเศร้า ?
“ตอนแรกก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า รู้แค่ว่าเราอารมณ์แปรปรวน เหมือนจะเหมือนกับว่าเราอารมณ์สวิง ร้องไห้ง่าย บางทีบางวันไม่ได้ร้องไห้ แต่ว่านั่งๆ อยู่แล้วมันสะอื้น เคยเป็นไหมที่มันเหมือนเราอยากร้องไห้ แต่มันแน่นหน้าอกอ่ะ มันไม่มีเหตุผลเลย แต่รู้แค่ว่าทำไมวันนี้เราอยากร้องไห้จังเลย อยากร้องไห้โดยไม่มีเหตุผลอะไร ในช่วงนั้นเราถ่ายละคร เป็นครั้งแรกที่เล่นละครร้าย แล้วอารมณ์ตอนนั้นมันคงไป เพราะว่าวันหนึ่งเล่นฉากแบบนั้นประมาณ 40 ฉาก ร้องไห้พอคัทปุ๊บออกมา เติมหน้าเติมตา กลับไปเข้าฉาก ร้องไห้อีก กรี๊ดแตกในฉาก มันเหมือนกับว่าเรารับอารมณ์ของตัวเองไม่ทัน มันก็เลยสวิงไปหมด”

คิดว่ามันอาจจะมาจากอารมณ์ค้าง ที่ติดมาจากการเล่นละครไหม ?
“รู้สึกนะ มองว่าละครจบไปแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกอยู่ คืออยากร้องไห้ อยากกรี๊ด ใครพูดอะไรก็พูดไม่เข้าหูทุกอย่าง ทุกอย่างเป็นเนกาทีฟไปหมด มองอะไรคือมองไปแง่ร้ายไปเลย ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ เราเซ้นซีทีฟ คือจะเซ้นซีทีฟในทุกๆ เรื่อง คือเพื่อนออกไปเที่ยว แล้วเห็นในโซเชียลก็ร้อง เหมือนเพื่อนออกไปเที่ยวแล้วทำไมไม่ชวน เราจะสามารถน้อยใจได้กับทุกเรื่องเลย คือเราจะคิดเล็กคิดน้อยทุกอย่างเลย สิ่งที่เราจะคิดอยู่เสมอเลยคือเราไม่สำคัญ”

อาการของโรคซึมเศร้าเคยดิ่งสุดขนาดไหน ?
“เคยมีนะ แต่ว่าไม่ได้ทำ ยังมีสติอยู่ สิ่งที่สำคัญเลยนะ คือเรื่องสติ เพราะว่าคิดสั้นหลายๆ คนก็เป็นนะ มันจะวูบเดียว แว้บเดียว ฉันจะอยู่ทำไม ฉันรู้สึกทุกข์ ฉันหาทางออกไม่ได้ ซึ่งจริงๆ แล้วมันอยู่ที่จิตใจของเรามากๆ”

พอจะแนะนำได้ไหม อะไรที่ทำให้เราดึงตัวเองกลับมาได้ ?
“นึกถึงครอบครัวค่ะ คือนึกในใจว่าถ้าฉันไป คนที่จะแย่ไม่ใช่เรา เพราะเราจะไม่รับรู้อะไรแล้ว คนที่จะแย่ก็คือคุณพ่อ คุณแม่ น้องชาย ซึ่งเรารู้ว่าลึกๆ แล้วอ่ะ น้องชายพึ่งเราพอสมควร ทำด้านจิตใจและหลายๆ อย่าง ส่วนคุณแม่นึกในใจว่าคุณแม่ให้ชีวิตเราคลอดเราออกมา แล้วจะทำกับเขาแบบนี้ได้ยังไง นี้จะเป็นสิ่งที่จะทำให้ดึงตัวเองกลับมาได้ทุกเวลา”

อย่างตัวเราได้มีการรักษากับทางการแพทย์ยังไงบ้าง ?
“ก็มีไปหาหมอ มีให้ยามาทาน หมอช่วยได้บ้างส่วน อย่างน้อยได้มีที่ระบาย มีคนที่เราสามารถจะปรึกษาได้ คุยได้ แล้วเขาก็ชำนาญในด้านนี้อยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันอยู่ที่จิตใจเราจริงๆ เราก็มีคนทีรู้จักและเป็นหนักมากๆ ทำร้ายตัวเองด้วย เราก็อยากบอกเค้าว่าเราต้องมีสตินะ ถ้าคุณควบคุมสติไม่ได้ คุณต้องเผชิญกับมันแล้วผ่านไปให้ได้ ซึ่งมันยากมากๆ”

เราต่อสู้กับโรคนี้มานานแค่ไหนแล้ว ?
“เป็น 10 ปีแล้วค่ะ ประมาณ 10 ปี ที่เราต้องเจอมา หนักสุดคือเวลาทำงาน กลับบ้าน คือเราเอาหัวไปโขกเตียง มันเหมือนว่าเรารู้สึกเจ็บจากข้างใน แต่ไม่รู้จะระบายออกมายังไง มันเขี้ยวตัวเอง มันเจ็บปวดไม่รู้จะระบายยังไง เอาหัวโขกโป้ง โอเค ฉันเจ็บดีจังเลย แต่ละคนจะมีวิธืที่ระบายออกต่างกัน ไม่ได้แนะนำว่าทุกคนต้องทำแบบนี้นะ แต่มันผ่านมาแล้ว สติคือสำคัญมาก”

เห็นว่าเวลาคนบอกว่าสู้ๆ ให้กำลังใจเหมือนไม่ได้ทำให้ดีขึ้นเลย ?
“มันไม่ได้ช่วย เพราะอาการมันจะมองทุกอย่างในแง่ลบ เพราะฉะนั้นการที่บอกว่าสู้ๆนะ สู้กับอะไร ทั้งชีวิตของฉันมันไม่มีอะไรดี สู้เพื่อ คือคนปกติอาจจะโลกสดใส คนที่เป็นโรคซึมเศร้าจะไม่มองแบบนี้”