แตงโม โตโน่ เข้าพิธีศีลล้างบาป
คู่รักชื่อดังของวงการ แตงโม ภัทรธิดา และ โตโน่ ภาคิน เข้าพิธีบัพติศมาหรือพิธีศีลล้างบาป ซึ่งถือเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาคริสต์ ทำขึ้นเพื่อรับผู้ที่เพิ่งรับเชื่อเข้าเป็นสมาชิกใหม่ของคริสตจักร โดยมี นายโสภณ พัชรวีระพงษ์ คุณพ่อของแตงโม มาร่วมยินดี โดยทั้งคู่เข้าพิธีโดยการจุ่มลงไปในน้ำจนมิด แสดงถึงการถูกฝังร่วมกับพระคริสต์ จากนั้นจึงโผล่ขึ้นมาจากน้ำแสดงถึงการฟื้นคืนพระชนม์ ซึ่งพิธีดังกล่าวใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้น แตงโม และ โตโน่ ได้เปิดใจถึงการเข้าพิธีในครั้งนี้
สำหรับ แตงโม เผยว่า เธอเป็นคริสเตียนมานานแล้ว อาจมีห่างจากพระเจ้าไปบ้าง แต่ก็มีความมหัศจรรย์เกิดขึ้น คือพระเจ้าได้ส่งโตโน่เข้ามาในชีวิต จึงได้ชักนำโตโน่เข้ามารับเชื่อวางใจในพระเจ้าด้วย
“โมขอใช้โอกาสนี้ขอโทษสื่อมวลชนหรือใครก็ตามที่โมเคยเดินชน เคยเหยียบเท้า หรือเคยทำอะไรไว้ ขอให้พระเจ้าทรงอวยพรคนเหล่านั้น แม้ว่าเค้าจะแอนตี้หรือเกลียดโมก็ตาม พระเจ้าสอนให้โมรู้จักให้อภัยและรู้จักรัก ทุกคนจะเห็นได้ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาที่โมเปลี่ยนไปเยอะมากๆ ในการที่จะใช้อารมณ์หรือสติที่จะตอบโต้ โมมีความสุขขึ้นมากในชีวิต ทุกคนจะเห็นว่า ทำไมโมยุไม่ขึ้นเหมือนเดิม การลงไปในน้ำทำให้ได้ทิ้งชีวิตเก่าๆ ทุกอย่างที่เคยผ่านมา โมมีชีวิตใหม่แล้วต่อไปนี้จะเป็นคนใหม่ ขอบคุณทุกคนที่ไม่รักไม่สนับสนุนโมด้วย ทุกอย่างคือบททดสอบในชีวิต”
“ทั้งผมและโมเคยทำสิ่งที่ดีและไม่ดี ต้องขอโทษทุกคนในสิ่งที่ทำไม่ดีไปทำให้ใครต้องเสียใจทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งผมและคนรักของผมจะพยายามเป็นคนที่ดีขึ้นในทุกๆ วัน ถ้าเกิดว่ามีอะไรที่อยากจะตักเตือนสั่งสอนก็พร้อมที่จะรับฟัง ผมมีความสุขที่ได้เห็นคนที่ผมรักและครอบครัวมีความสุข ไม่มีอะไรมีความสุขมากไปกว่าการเห็นแฟนเราเปิดใจ และได้ก้าวเดินไปด้วยกัน” โตโน่ กล่าว
นอกจากนี้ แตงโม เผยว่า ในศาสนาคริสต์บอกว่าผู้ที่ประกาศตนว่าเป็นคู่รักและให้พระเจ้านำทางในคู่รักแล้วห้ามเลิกกัน หรือถ้าเลิกกันฝ่ายหญิงห้ามมีครอบครัวใหม่ ซึ่งจริงๆ ตนและโตโน่ไม่ได้คิดจะเลิกกัน ยิ่งได้ใกล้ชิดกับพระเจ้ามากขึ้นก็ยิ่งรักกันมากขึ้น
สำหรับเรื่องแต่งงาน โตโน่ กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดเรื่องนี้ ที่ผ่านมาข่าวดีก็มีมาเยอะแล้ว “รักโม รักมาก เราได้เดินในทางที่ดีแล้ว มีคำสอนที่ดีแล้ว ทำตามคำสอนทำให้มากกว่าพูด รักและให้อภัยกับทุกคนไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่ข่มเหงรังแกเรา และเดินไปด้วยกันอย่างมีความสุข”