อ.เจษฎา ถูกขู่ทำร้าย เหตุแฉภาพบั้งไฟ
จากกรณีเฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant ของอาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ นักวิชาการจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ที่ติดตามเกี่ยวกับบั้งไฟพญานาค ได้มีการแชร์ภาพบั้งไฟพญานาค ปี 2557 โดยเจ้าของภาพระบุว่า บั้งไฟที่ขึ้นบริเวณ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ขึ้นจากพุ่มไม้อีกฝั่งของแม่น้ำโขงเพียง 5-6 ลูก กลางน้ำไม่มี นั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (13 ต.ค.) อ.เจษฎา ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีบั้งไฟเพิ่มเติมว่า “หลังจากมีหลังไมค์มาเรียกร้องให้ผมขอขมาพร้อมชี้แจงประเด็นบั้งไฟพญานาค ไม่งั้นก็ขอเตือนไว้ว่ามีคนที่โมโหผมอยู่เป็นจำนวนมาก และจะประสบชะตากรรมเหมือนไอทีวีในอดีต
1.ผมขออภัยที่ทำให้หลายท่านขุ่นข้องหมองใจ … ซึ่งผมเชื่อว่าเป็นความเข้าใจผิด อันเนื่องจากการที่ปีนี้ผมไม่ได้ชี้แจงซ้ำบนเฟซบุ๊กถึงแนวทางในการที่ผมและเพื่อนๆ ถ่ายรูปบั้งไฟ และทำคลิปอธิบายทฤษฎีกระสุนส่องวิธี
2. ผมและเพื่อนสนใจหาคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับลูกไฟประหลาดที่เรียกว่าบั้งไฟนี้ ว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่จะเกิดจากแก๊สธรรมชาติตามที่หลายคนเข้าใจกัน โดยไม่ได้สนใจในสาเหตุอื่นที่เหนือธรรมขาติ เช่น พญานาคทำหรือไม่ หรือพญานาคมีจริงหรือไม่ หรือเกี่ยวข้องกับศาสนาและความเชื่อพื้นถิ่นอย่างไร
3. การอธิบายถึงสาเหตุทางวิทยาศาสตร์นึ้ จำเป็นต้องเริ่มจากการตอบคำถามให้ได้ก่อนว่าลูกไฟผุดขึ้นจากน้ำจริง อย่างที่หลายต่อหลายคนอ้างว่าเห็น แต่กลับไม่มีภาพถ่ายหลักฐานเลย … ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดในการตอบคำถามนี้ คือการถ่ายรูปแบบเปิดหน้ากล้องนานๆ จนเห็นว่าลูกไฟนั้นพุ่งมาจากกลางลำน้ำ หรือจากฝั่งกันแน่
4. ด้วยวิธีนี้ เราได้ลองถ่ายรูปในหลายอำเภอ ตำบล หมู่บ้านที่มีการดูบั้งไฟกัน รวมทั้งจากฝั่งลาวด้วย …. ซึ่ง 3-4 ปีที่ผ่านมานี้ เรายังไม่เคยถ่ายภาพลูกไฟขึ้นจากน้ำได้ แต่ได้ภาพแสงไฟขึ้นจากฝั่ง หรือจากเรือไฟ แทน รวมทั้งคลิปวิดีโอด้วย ซึ่งมีลักษณะตรงกับภาพที่จะได้จากกระสุนส่องวิถี tracer round ทั้งหมด
5. กระนั้น เราไม่เคยพูดว่าลูกไฟบั้งไฟทุกลูกที่ไปดูกันในวันออกพรรษานั้นเป็นกระสุน เพียงแต่รูปถ่ายทุกรูปที่ถ่ายได้นั้น น่าจะเป็นกระสุนแน่ๆ แต่ใครยิง เราไม่ทราบ
6. ข้อมูลภาพและคลิปที่เราเผยแพร่ในแต่ละปีนี้ น่าจะช่วยให้คนที่สนใจ และไม่เชื่อพวกเรา ได้ออกมาลองถ่ายภาพพิสูจน์ด้วยตนเองในปีต่อๆไป … เผื่อว่าจะได้มีภาพบั้งไฟขึ้นจากกลางลำน้ำ มาใช้ศึกษาทางวิทยาศาสตร์ต่อไป ว่าเกิดจากอะไรกันแน่
7. การที่หลายคนที่ผมถกเถียงด้วยหลังไมค์ ได้ยอมรับในภาพถ่ายกระสุนขึ้นจากฝั่ง ว่าบั้งไฟของปลอมนั้นมีจริงและมีเยอะด้วย ขณะที่บั้งไฟของจริงนั้นหายากมากแล้ว …. จึงน่าจะเป็นโอกาสร่วมกัน ที่จะรณรงค์ในปีหน้าๆ ต่อไปให้คนแยกแยะออกในการดูบั้งไฟของจริงของปลอมเทียบกันด้วยวิธีการถ่ายรูป จะได้ช่วยกันนับว่าจริงๆแล้วบั้งไฟของจริงนั้นมีมากน้อยแค่ไหนกันแน่
8. ขอสรุปอีกครั้งว่า ผมขอขมาลาโทษด้วยที่ทำให้โมโหกัน ซึ่งผมมีเจตนาเพียงงานทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น และไม่เคยพูดว่า บั้งไฟทุกลูกเป็นกระสุนครับ
ด้วยความเคารพในสิทธิที่แต่ละท่านจะเลือกเชื่อเรื่องใดๆ”