“เจษ” ใจสู้ สักวันต้องกลับไปเตะบอลให้ได้ ยิ้มปลื้ม “วิว” เคียงข้างคอยดูแลไม่ห่าง

 

ออกมาอัปเดตอาการให้ฟัง สำหรับพระเอกหนุ่ม เจษ-เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒ หลังเข้ารับการผ่าตัดที่หัวเข่ามาเกือบครบ 1 ปีเต็ม เนื่องจากเอ็นเข่าข้างขวาขาด ซึ่งเป็นบริเวณเอ็นไขว่หน้า โดยมีสาเหตุมาจากการเกิดอุบัติเหตุระหว่างเล่นฟุตบอลเมื่อ 7-8 ปีก่อน แต่ต่อมาได้ล้มซ้ำจุดเดิมหลายครั้ง ส่งผลให้หมอนกระดูกร้าวและแตกร่วมด้วย

โดยงานนี้ เจษ เจษฎ์พิพัฒ์ ได้เผยว่า อาการดีขึ้นแต่ไม่เต็ม 100 ร้อยเปอร์เซ็นต์ ต้องกายภาพช่วยสม่ำเสมอ ยืนยันไม่มีผลกับงาน ร่างกายตอนนี้พอวิ่งได้บ้างนิดหน่อย แต่ยังไม่สามารถกลับไปเตะบอลได้ คงต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูอีกสักพัก ด้านหวานใจสาว วิว วรรณรท หากว่างก็ตรงดิ่งมาคอยดูแลอยู่ตลอดแทบทุกวัน

การผ่าตัดเป็นยังไงบ้าง ?
“ดีขึ้นครับ แต่ยังไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ ต้องใช้การกายภาพช่วยสม่ำเสมอ ซึ่งถ้าบางทีเราเหนื่อยหรือเราขี้เกียจบ้างก็ไม่ได้ทำ เวลามันก็ยืดออกไปกว่าที่จะเป็นปกติ”

มีผลกระทบกับงานที่เรารับไหม ?
“ไม่มีครับ จริงๆ แล้วตอนก่อนจะผ่าคือผมถ่ายไปแล้วหลายเรื่อง พอผ่ามามันก็ดีกว่าเดิมครับ”

ต้องติดตามอาการต่อกับคุณหมอยังไงบ้าง ?
“ไม่ต้องแล้วครับ ตอนนี้ก็กายภาพเอง”

คุณหมอห้ามอะไรบ้าง ?
“ก็เรื่องเตะฟุตบอลครับ แต่เรื่องวิ่งพอได้แล้ว คือบางทีมันเป็นเรื่องของอุบัติเหตุ มันต้องมีกล้ามเนื้อซัพพอร์ต ก็ต้องรอกล้ามเนื้อให้มันแข็งแรงก่อน”

ทำให้เราต้องหยุดเตะบอลเลยไหม ?
“ไม่มีทางครับ ผมต้องกลับไปเล่นให้ได้ ผมผ่าเพื่อจะให้ผมได้กลับไปเตะฟุตบอล”

ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะปกติ ?
“ถ้าอย่างเร็วเลยก็ปีหนึ่งครับ แต่ถ้ากายภาพน้อยก็ต้องเลื่อนออกไปอีก”

จะมีโอกาสหายขาดไหม ?
“มันไม่หายขาดครับ เพราะเอ็นที่ขาดมันเป็นเอ็นไขว้ แต่ที่เชื่อมมันเป็นเอ็นธรรมดา มันก็จะไม่เท่ากันอยู่แล้ว”

ถ้ากลับไปเล่นฟุตบอลได้ เราก็ออกแรงไม่ได้เท่าเดิมใช่ไหม ?
“ไม่ได้เท่าเดิมครับ แต่เราก็จะซอฟๆ ลง”

กลัวไหมว่าจะกลับไปเป็นอีก ?
“เป็นไปได้ครับ จริงๆ ถ้าไม่ชัวร์ผมก็จะไม่ไปออกกำลังกาย ไม่เล่นกีฬาหนักๆ จะออกแค่ส่วนบนหรือแค่ตามที่หมดสั่งครับ นี่ก็ไม่ได้ออกมาจะปีหนึ่งแล้วครับ”

แอบนอยด์ไหมว่าถ้าหายขาดก็อาจจะกลับไปเล่นฟุตบอลได้ไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ ?
“เล่นได้ก็บุญแล้วครับตอนนี้ (หัวเราะ) คือเราก็ไม่ได้คิดจะเล่นจริงจังเป็นนักฟุตบอลอะไรหรอก แต่เราก็อยากไปเจอเพื่อนเพราะเขาเตะกันทุกอาทิตย์”

แอบกลัวหรือเข็ดไหม ?
“ไม่ครับ คือผมไปฝืนมันเอง เพราะตอนที่ขาดแล้วผมก็ยังไปเตะอยู่ มันก็เลยทำให้อาการหนักกว่าเดิม ตอนแรกเอ็นขาดเราก็ดื้อ พันเข่าไปเตะ กลายเป็นกระดูกแตก ก็หนักกว่าเดิม พักยาวกว่าเดิม คราวนี้ต้องชัวร์จริงๆ ถึงจะกลับไปเตะครับ”

วิว ปรามเราไหม ?
“เขาก็ปรามครับ เขารู้ว่าเราเป็นจากการไปเตะฟุตบอล ที่หนักขึ้นก็เพราะเตะฟุตบอล พอไปผ่าปุ๊บก็ประมาณว่ามึงจะกลับไปเล่นอีกเหรอ (หัวเราะ)”

แต่เขาก็ดูแลเราตลอด ?
“ใช่ๆ ครับ ถ้าวันที่เขาว่างเขาก็มาแทบทุกวัน ก็มาช่วยอำนวยความสะดวกทุกอย่างครับ”

มีวางแพลนเรื่องอนาคตกันบ้างหรือยัง ?
“ไม่ได้ดูไปไกลๆ แบบแพลนแน่ชัดหรอกครับ แต่เราก็จริงจังกันแหละ เรื่องต่างๆ ก็คุยกันได้หมด แต่ก็ไม่ได้คุยกันว่าต้องเมื่อไหร่ยังไง”