อั้ม อธิชาติ โต้ทอดทิ้งแม่
พระเอกละครขุนศึก ”อั้ม-อธิชาติ” แจงเหตุไม่เดินทางไปประกันมารดาด้วยตัวเองหลังถูกจับเข้าซังเตในคดีจ่ายเช็กเด้ง อ้างติดงานเลยส่งเพื่อนและน้องสาวเป็นตัวแทนดำเนินการ ปัดเปิดเผยรายละเอียดเพราะหวั่นเสียรูปคดีความ อุบ จ่ายเงิน 1.5 ล้านแทน แย้มขอปรึกษาทนายความก่อนพร้อมโต้ทิ้งแม่บังเกิดเกล้าเผยถึงไม่ได้เจอกันแต่ตนยังส่งค่าเลี้ยงดูให้สม่ำเสมอทุกเดือน
กลายเป็นข่าวร้อนจนต้องรีบออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวอย่างรวดเร็วสำหรับกรณีของ”นางบุญญาพร สาคริก” วัย 54 ปี มารดาของพระเอกละครขุนศึก ”อั้ม” อธิชาติ ชุมนานนท์ ที่ถูกตำรวจ สภ.บางละมุง จับข้อหาจ่ายเช็กเด้ง 1.5 ล้านบาท
หลังมีผู้เสียหายก็คือ ”น.ส.ทอปัด สุภิชัยธนากุล” ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจว่าแม่ของพระเอกดังได้ยืมเงินตนไปเป็นจำนวน 1.5 ล้านบาทและต่อมาวันที่ 14 เมษายน นางบุญญาพรได้ชำระหนี้เป็นเช็กเงินสดแต่เมื่อนำเช็กไปขึ้นเงินปรากฏว่า
เจ้าหน้าที่ธนาคารปฏิเสธที่จะจ่ายเงินเพราะลายเซ็นไม่เหมือนเจ้าของบัญชีซึ่งทางด้านของมารดานักแสดงหนุ่มคนดังก็ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ตนได้ร่วมทำธุรกิจกับผู้เสียหายและได้รับเงินมาจำนวน 1.5 ล้านบาท จากนั้นตนจึงนำไปปล่อยกู้ใน
อัตราร้อยละ 60 ต่อเดือนและคืนเฉพาะดอกเบี้ยไปให้แล้วกว่า 2 ล้านบาทแต่ภายหลังลูกหนี้ที่ปล่อยให้กู้หนีไปหมดจึงทำให้ไม่มีเงินต้นคืนให้เป็นเหตุให้เรื่องราวบานปลายจนโดนจับฉาวขึ้นหน้าหนึ่งดังกล่าว ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 พ.ค. 55
”คือเรื่องของรายละเอียดผมต้องขออนุญาติไว้นิดนึงเพราะว่าตอนนี้เป็นเรื่องในชั้นศาลแล้วซึ่งที่ประกันตัวออกมาก็เป็นเรื่องของทนายความซึ่งผมกับพี่น้องทั้ง 3 คนได้มอบให้กับทางทนายความเป็นผู้ดูแลเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ซึ่งผมเองไม่
ได้ทราบรายละเอียดมาตั้งแต่ต้น ในส่วนของเรื่องคดีนั้นผมยังๆ ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นเรื่องของอะไรไม่สามารถเจาะจงรายละเอียดได้เพราะตอนนี้มันเป็นเรื่องของคดีความถ้าผมตอบอะไรโดยไม่ทราบอะไรที่ชัดเจนมันก็จะเป็นการเสียรูปคดี
เปล่าๆ ตอนนี้ก็ต้องให้ทางทนายคุยกับคุณแม่และต้องเอาหลักฐานมาดูกันอีกทีครับ โดยหลังจากที่ทราบข่าวครั้งแรกตัวผมเองก็ค่อนข้างตกใจเหมือนกันเพราะผมก็เพิ่งทราบเมื่อตอนเย็นของเมื่อวานซึ่งตอนแรกก็ไม่ทราบว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยว
กับที่บ้านเราจนพอน้องสาวโทรมาบอกและได้ปรึกษากันผมก็พยายามแก้ไขปัญหาทุกอย่างไม่ได้นิ่งนอนใจ คุณแม่ไม่ได้เรียกร้องให้ดูแลอะไรเป็นพิเศษแต่ในเรื่องของคดีความเรื่องของเอกสารคุณแม่ไม่มีความรู้โดยละเอียดมากนัก ซึ่งผมก็ไม่
สามารถตอบคำถามเรื่องของเอกสารได้ชัดเจนในส่วนของเรื่องนี้ก็อาจจะต้องคุยกับทางทนายความมากกว่า”
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าได้เจอกับคุณแม่เมื่อวานนี้เป็นอย่างไรและท่านได้ผู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างเกี่ยวกับเรื่องนี้นักแสดงหนุ่มกล่าวว่า ”ท่านเองก็ตกใจเหมือนกัน มีการสอบถามเรื่องราวแต่ก็ไม่สามารถบอกอะไรได้เพราะตนเองก็ยังไม่เข้าใจ
เกี่ยวกับงานของมารดาเหมือนกัน”
”คุณแม่ก็ค่อนข้างตกใจนิดนึงเพราะถ้าใครเจอปัญหาอย่างนี้ก็คงจะแย่เหมือนกันอยู่แล้วครับ ส่วนตัวผมไม่ได้แย่แค่ตกใจมากกว่ากับเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วก็ได้คุยสอบถามเรื่องราวบ้างแต่ผมเองก็ไม่เข้าใจเกี่ยวกับงานที่ทำโดยละเอียดสักเท่า
ไหร่แต่วันนี้ก็อยากจะชี้แจงอีกซักเรื่องเพราะเมื่อวานได้เห็นข่าวบอกว่าผมไม่ได้เจอคุณแม่มา 2-3 ปีแล้ว ซึ่งจริงๆ แล้วผมได้เจอกับคุณแม่บ้างแต่ติดต่อกันทางโทรศัพท์ตลอด ด้วยความที่คุณแม่มีครอบครัวใหม่มาประมาณ 7-8 ปีแล้วคุณพ่อ
เองก็มีครอบครัวใหม่เราก็เลยได้เจอกันบ้างแต่ก็ได้ติดต่อทางโทรศัพท์กันตลอดครับ”
เกี่ยวกับเรื่องในครั้งนี้หลายคนมองว่าการดำเนินการของ ”อั้ม” ดูช้ามากจนมีกระแสข่าวลือว่าความสัมพันธ์ของพระเอกหนุ่มกับแม่ห่างเหินกันจนถึงขนาดมีข่าวว่าทิ้งแม่เลยทีเดียว
”ไม่ได้ถึงกับขนาดห่างเหินนะครับแต่ว่าต่างคนต่างมีครอบครัวทำให้เวลาที่เจอกันน้อยลงแต่ก็มีการดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายของคุณแม่กันเป็นประจำทุกเดือนตลอดอยู่แล้ว ซึ่งเราก็ปกติยังได้พูดคุยกันอยู่ตามประสาแม่ลูกก็มีคุยพี่สาวน้องสาว
บ้าง ซึ่งเกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้นนั้นเมื่อผมรับทราบข้อมูลตอนแรกเห็นน้องเขยผมบอกว่าพยายามแก้ไขปัญหาทุกทางพยายามหาข้อมูลและการติดต่อบ้างแต่เรื่องของรายละเอียดนั้นเราก็ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายก็คือประกันตัวออกมา
ก่อนแล้วค่อยดำเนินเรื่องและค่อยพูดจากัน คือถ้าคนนอกมองอาจจะช้านะแต่คือผมทราบเรื่องปุ๊บผมก็ได้คุยกับน้องสาวของผมก็โอเคเราจะประกันตัว ผมและน้องก็พยายามติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นร้อยเวรแต่ติดต่อไม่ได้และเพื่อนผมก็
เป็นตัวแทนไปชลบุรีไปกับน้องสาวผมเพราะผมติดงาน เราก็พยายามรีบทำทุกอย่างเท่าที่เราจะทำได้ครับ ในส่วนของเรื่องที่มีกระแสข่าวลือว่าผมทอดทิ้งแม่นั้นผมอยากจะบอกว่าผมดูและทั้งคุณพ่อ-คุณแม่เป็นประจำทุกเดือนอยู่แล้วอีกทั้งยัง
ดูแลในส่วนของค่าใช้จ่ายและค่ารักษาพยาบาลส่วนตัวด้วย แต่ในส่วนที่เป็นค่าใช้จ่ายของครอบครัวใหม่ผมก็ไม่สามารถตอบแทนได้ว่าเป็นอะไรยังไงหรืออะไรก็แล้วแต่”
เมื่อถูกถามว่าจะมีการช่วยเหลืออะไรกับผู้เป็นมารดาบ้างแล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้ดาราหนุ่มเปิดเผยว่าตนพี่สาวและน้องสาวก็ได้ช่วยเหลือด้วยการนำเงินไปประกันตัวเป็นจำนวน 5 แสนบาทและตนยังเป็นคนออกเงินค่าทนายความเพื่อดำเนินการ
ในครั้งนี้อีกด้วย
”ก็ตั้งแต่เริ่มก็ได้มีการโอนเงินให้กับน้องเขยผมเพื่อที่จะนำไปประกันตัวคุณแม่ออกมาก่อนแล้วค่อยมาดูเรื่องของรายละเอียดต่างๆ เพราะผมเองก็ไม่เคยทราบเรื่องมาตั้งแต่ต้น ซึ่งเงินที่ใช้ประกันก็มีเงินของพี่สาว, น้องสาวผมด้วย ใน
ส่วนเงินจ้างทนายความผมจะเป็นออกเรียกว่าถ้าเดือดร้อนผมและที่บ้านทุกคนก็ช่วยเหลือกันตลอดอยู่แล้วไม่ว่าจะของคุณแม่หรือคุณพ่อ”
ทั้งนี้เมื่อถูกถามว่าจะตัดปัญหาทั้งหมดให้จบโดยเร็วด้วยการจ่ายเงิน 1.5 ล้านบาทแทนบุพการีหรือไม่อย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้นักแสดงหนุ่มเผยว่าอันนี้ตนยังไม่สามารถตอบได้แต่ไม่ว่าอย่างไรตนพี่สาวและน้องสาวก็พร้อมที่จะดูแลแม่อย่าง
เต็มที่
”อันนี้ผมยังตอบไม่ได้เพราะผมไม่ทราบเรื่องราวของเอกสารที่เกิดขึ้นเลยซึ่งเรื่องนี้ต้องดูเอกสารทั้งหมดอีกทีนึงแต่คือยังไงทั้งน้องสาวและพี่สาวผมและผมก็จะช่วยเหลือคุณแม่อย่างเต็มที่อยู่แล้วไม่ว่าจะต้องเจอกับปัญหายังไงก็เป็น
กำลังใจให้อย่างดีการปรึกษาและพูดคุยกันอยู่ตลอด”
กับข่าวที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบอะไรและมีใครที่ให้กำลังใจบ้างกับเรื่องนี้นักแสดงหนุ่มกล่าวว่าเรื่องผลกระทบกับงานยังไม่มีแต่คนให้กำลังใจเยอะมากโดยเฉพาะคุณพ่อ
”เรื่องนี้ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับงานแต่เพื่อนๆ ที่ทราบข่าวก็จะโทรมาถามเพราะเป็นหวงแทนกับเรื่องที่เกิดขึ้น อีกทั้งคุณพ่อก็ให้กำลังใจครับว่าน่าจะผ่านไปได้ด้วยดีครับ”
อย่างไรก็ตามเมื่อถามว่าศาลนัดอีกครั้งเมื่อไหร่ยังไงกับเรื่องนี้หนุ่ม ”อั้ม” เผยว่าตนยังไม่ทราบเกี่ยวกับรายละเอียดจึงยังไม่สวามารถตอบได้ในขณะนี้
”รายละเอียดในส่วนนี้ยังไม่ทราบเลยครับเพราะว่ารายละเอียดอยู่ที่น้องสาวอีกทีนึง ส่วนเรื่องรายละเอียดของคดีความนั้นผมยังไม่สามารถตอบอะไรได้รอให้ปรึกษาทนายดูอีกทีก่อนแต่ไม่ว่าอย่างไรเราก็พยายามแก้ไขปัญหาให้ดีที่สุดกับทั้ง
สองฝ่ายไม่ว่าจะเป็นคู่กรณีหรือทางเราเองด้วยครับ”